Toyota C-HR ด้วยการออกแบบบนพื้นฐานของ “Coupe High-Rider” หรือรถคูเป้ยกสูง โดยตัวรถจะเป็นสไตล์ครอสโอเวอร์ขนาด 4 ประตู พัฒนาบนแพลทฟอร์ม TNGA (Toyota New Global Architecture) เทคโนโลยีใหม่แบบเดียวกันกับรถไฮบริดพรีอุส และได้รับการทดสอบปรับจูนในสนามเนอร์เบิร์กริง เยอรมัน และอีกหลายสนามแข่ง นอกจากนี้ยังมีการทดสอบบนถนนทั่วยุโรประยะทางกว่า 100,000 กม.
พัฒนาบนแพลทฟอร์ม TNGA ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์รถยนต์ที่ดียิ่งขึ้น” ที่มีคุณสมบัติสำคัญ 3 ประการได้แก่ linearity × consistency × response เพื่อตอบสนองความสะดวกสบายและความปลอดภัยมากขึ้น
การออกแบบ C-HR มีความโด่ดเด่นเฉพาะตัวด้วยไฟเลี้ยวมีลูกเล่นวิ่งตามทิศทางเลี้ยวด้วยหลอดไฟ LED 12 ดวง ด้านข้างมีเส้นสายพาดจากหน้าลาดลงเกือบถึงขอบประตูและวิ่งขึ้นไปจรดไฟท้ายรูปทรมบูมเมอแรง กระจกรอบคันยังเสริมด้วยวัสดุดูดซับเสียงรบกวนทั้งลมและพื้นถนน กระจกข้างมีไฟโลโก้ C-HR ส่องสว่างบนพื้นเมื่อปลดล็อคประตูตัวถังนอกมีให้เลือก 8 สี มือจับเปิดประตูบานหลังซ่อนอยู่บนเสาหลังคา ซุ้มล้อหน้าและหลังดูบึกบึนพร้อมลุยทุกสถานการณ์ กระบังลมหน้าสามารถตัดแสงอัตร้าไวโอเล็ตได้ 99%
ภายในห้องโดยสาร Toyota C-HR สัมผัสได้ถึงความหรูหราพรีเมี่ยมด้วยหน้าจอบนแผงแดชบอร์ดขนาด 9 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นสามก้าน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมโหมด ECO มาตราวัดทรงกลมมีหน้าจอแสดงผลกลางขนาด 4.2 นิ้ว
ไม่เพียงเท่านั้น Toyota C-HR ยังมีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจคือ ลูกเล่นบุผ้าที่มีแพทเทิร์นแบบสปอร์ต หัวเกียร์เป็นโลหะหุ้มหนังสามารถพับแบบ 60 : 40 เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรจุได้ถึง 1,112 ลิตร นอกจากนั้นยังมีช่องเก็บของจุกจิกอีกมากมายตามแบบฉบับรถอเนกประสงค์
Toyota C-HR วางจำหน่ายในแดนปลาดิบมี 4 รุ่นได้แก่
รุ่น S-T(ราคาจำหน่าย 2.516 ล้านเยน) และ G-T(ราคาจำหน่าย 2.775 ล้านเยน) ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.2 ลิตร รหัส 8NR-FTS ให้กำลังสูงุสุด 115 แรงม้าที่ 5,200-5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 185 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาที รุ่นเทอร์โบมีเฉพาะระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น
รุ่น G (ราคาจำหน่าย 2.905 ล้านเยน) และ S(ราคาจำหน่าย 2.646 ล้านเยน) ใช้เครื่องยนต์เบนซินลูกผสม ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ประสิทธิภาพความร้อนอยู่ที่ 40% ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT สามารถทำอัตราประหยัดน้ำมันได้ 30.2 กม./ลิตร สำหรับรุ่นไฮบริด มีเฉพาะขับล้อหน้าเท่านั้น
ระบบความปลอดภัย Safety Sense P จะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานในทุกรุ่นย่อยคือ ระบบแจ้งเตือนเมื่ออกจากช่องจราจร ไฟสูงอัตโนมัติ ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตาและจราจรด้านหลัง และระบบป้องกันการชนพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน มีเรดาร์ครูสคอนโทรลปรับความเร็ว
ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า Toyota C-HR จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงไหนแต่คาดว่าน่าจะท้ายปี 2017 แต่ในงานมอเตอร์โชว์ 2017
ขอบคุณข้อมูล Car250.com
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดีและน่าเชื่อถือ เชิญ
ที่นี่