สตช. ย้ำเน้นตักเตือนนั่งกระบะ-แค็บ ให้ขับไม่เกิน80กม.
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ออกมาเปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร./สตช.) ได้จัดทำข้อเสนอเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายกรณี การนั่งแค็บ และนั่งโดยสารกระบะท้ายไปยังกรมการขนส่งทางบกแล้ว แต่พบว่า ยังมีข้อจำกัดและข้อขัดข้องที่ไม่สามารถแก้ไขกฎหมายตามที่เสนอได้
ที่ประชุมจึงสรุปในเบื้องต้น ว่า ตำรวจ ในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายจะยึดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพุทธศักราช 2522 ไปก่อน ระหว่างที่ยังไม่สามารถออกกฎหมายพระราชบัญญัติรถยนต์เพื่อบังคับใช้เป็นการเฉพาะได้ และจากนี้จะศึกษากันต่อไปเพื่อแก้ไขปรับปรุงให้ได้ข้อสรุปในอนาคต
"จากนี้ไป กรณี
การนั่งแค็บ กระบะ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้มาตรการตักเตือนตามความเหมาะสม โดยต้องพิจารณาว่า อยู่ในวิสัยที่ปลอดภัย ขณะที่การนั่งกระบะท้ายนั้นก็ไม่ได้กำหนดจำนวนคนโดยสารที่กระบะท้าย แต่น้อยคนก็ยิ่งปลอดภัย โดยจะใช้การตักเตือนเช่นกัน"พล.ต.ท.วิทยา กล่าว
ทั้งนี้จะมีการนำกฎหมายพระราชบัญญัติจราจรทางบกมาใช้บังคับ โดยควบคุมความเร็ว ตามกฎหมาย ระบุว่า รถยนต์โดยสารบรรทุกต้องใช้ความเร็วในเขตเทศบาลไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่นอกเขตเทศบาลต้องไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากใช้ความเร็วเกินกว่านั้น ถือว่า ผิดกฎหมาย และที่สำคัญส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้โดยสารโดยเฉพาะการนั่งกระบะท้าย จึงต้องกำหนดเพื่อให้ระมัดระวังเป็นพิเศษในกรณีกระบะท้าย หากเกิดอุบัติขึ้นมา ผู้ขับขี่ก็ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย ฐานใช้รถผิดประเภท เนื่องจากกฎหมายไม่อนุญาตให้นั่งคนกระบะท้ายอยู่แล้ว"
พล.ต.ท.วิทยา กล่าวอีกว่า ผลจากที่ประชุม พบว่า สาเหตุหลักของอุบัติเหตุเกิดจากการใช้รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกกันน็อก การใช้รถยนต์โดยไม่
คาดเข็มขัดนิรภัย การดื่มสุรา เมาแล้วขับ ดังนั้น ตร.จะมีมาตรการเข้มข้นในการกวดขันวินัยจราจรบังคับใช้กฎหมาย ในเรื่องดังกล่าวเพื่อลดความสูญเสียของประชาชนจากการจราจร
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญ
ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดีและน่าเชื่อถือ เชิญ
ที่นี่