บีเอ็มดับเบิลยู ประเเทศไทย ได้ประกาศเปิดสายการผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่โรงงานระยอง โดยที่ก่อนหน้านั้น ได้มีการประกาศเปิดไลน์การประกอบแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฮบริดไปในโรงงานแห่งเดียวกัน ในช่วงปี 2559
สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า ทิศทางของการใช้รถยนต์ที่มีระบบไฟฟ้า (Electrified Vehicle) มีความต้องการสูงขึ้นเป็นอย่างมากทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยเองก็พบว่า มีการเติบโตและมีความต้องการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลต้องการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ก็จะต้องสนับสนุนให้เกิดความต้องการขึ้นก่อน โดยมองว่า รัฐบาลควรพิจารณาลดภาษีสำหรับรถยนต์กลุ่มนี้ รวมไปถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างสถานีชาร์จไฟให้มีความพร้อม
“แน่นอนว่า เรากำลังพูดถึงโครงการในระยะยาว เพราะหากมีความต้องการเพิ่มขึ้นและผู้ประกอบการต้องการลงทุนสำหรับการผลิต ก็จะต้องใช้เวลาในการเตรียมการณ์ แต่หากดูจากแนวโน้มในตลาดโลก ก็เชื่อว่า ประเทศไทยจะมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันแน่นอน”
ภาพประกอบจาก Chobrod
ทอยเชอร์ตระบุว่า BMW เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดรถยนต์กลุ่มดังกล่าวในโลก ด้วยการมีสินค้าให้เลือกมากถึง 7 รุ่น มียอดจำหน่ายกว่า 6.2 หมื่นคันในปี 2559 และมียอดจำหน่ายสะสมทะลุ 1 แสนคันในปีที่ผ่านมา และคาดว่า จะมียอดจำหน่ายอีก 1 แสนคันในปีนี้
สำหรับการผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในโรงงานที่เริ่มต้นจากซีรี่ส์ 3 และเอ็กซ์ 5 ในปัจจุบัน ก็มีแผนจะผลิตรุ่นอื่น ๆ เพิ่มในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ส์ 7 ที่จะเปิดไลน์ผลิตเพิ่มในปีนี้ รวมไปถึงซีรี่ส์ 5 ใหม่ ที่จะเปิดสายการผลิตในปี 2561
ในส่วนของโรงงานประกอบแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฮบริดที่มีการประกาศแผนการลงทุนไปก่อนหน้านี้ ก็อยู่ระหว่างการเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ และคาดว่า จะเริ่มเปิดสายการผลิตได้ในช่วงกลางปี 2561 เป็นต้นไป เพื่อสนับสนุนแผนการผลิตรถในโรงงานแห่งนี้
“อย่างที่เรารู้กันดีคือ แบตเตอรี่เป็นชิ้นส่วนสำคัญสำหรับรถยนต์ไฮบริดและรถไฟฟ้า การเปิดไลน์การประกอบแบตเตอรี่ในประเทศไทย นอกจากจะเป็นการสนับสนุนการผลิตแล้ว ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการส่งออกจากโรงงานแห่งนี้เช่นกันในอนาคต”