Audi RS3 Sportback 2022 ซูเปอร์คาร์ 5 ประตู รุ่นที่ 9 ของล่าสุดในตระกูล RS กับราคา 5.399 ล้านบาท ขนาดรถคอมแพ็คที่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่อง 2.5 ลิตรเทอร์โบ 400 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 3.8 วินาที
Audi RS3 Sportback 2022 รถซูเปอร์คาร์ไซส์คอมแพค เร้าใจเหมือนอยู่ในสนามแข่งและตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกวัน นับเป็นการเปิดตัวรถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นที่ 9 ของ อาวดี้ ประเทศไทย เจเนอเรชั่นใหม่
อ่านเพิ่มเติม - Audi RS 7 Sportback 2022 ตัวแรง 600 ม้า เปิดราคา 10.7 ล้านบาท
การออกแบบ Audi RS3 Sportback 2022 เน้นให้รถมีความสปอร์ตและดุดันมากยิ่งขึ้น กันชนหน้าแบบ RS และช่องดักอากาศขนาดใหญ่ขึ้น มาพร้อมกระจังหน้าลายรังผึ้ง อันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล RS พร้อมชุดแต่งภายนอกแบบ Glossy black และ Audi Ring และป้ายชื่อรุ่นสี Glossy black ทำให้รถสปอร์ตคอมแพ็คคันนี้ดูดุดันมากขึ้น
อุปกรณ์มาตรฐานไฟหน้า Matrix LED และไฟท้าย LED แบบ Dynamic ซึ่งจุดเด่นของไฟหน้าจะมี digital daytime running light แบบพิกเซลล์ขนาด 3x5 ที่มาพร้อมกับเอฟเฟกต์ light staging แบบ RS3-signature ด้านฝั่งคนขับ เมื่อปลดล็อครถได้ ส่วน Daytime running light จะแสดงในรูปแบบของธงตราหมากรุก ช่องระบายอากาศบริเวณซุ้มล้อหน้าและซุ้มล้อหน้าที่กว้างขึ้นกว่ารุ่นเดิม 33 มิลลิเมตร และซุ้มล้อหลังกว้างขึ้น 10 มิลลิเมตร ทำให้รถดูดุดันมากยิ่งขึ้น ล้อขนาด 19 นิ้ว ลาย Y spoke ปั้มลาย RS และคาลิปเปอร์เบรกสีแดงปั้มลาย RS ทำให้รถดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น
ภายในยังมีการออกแบบที่มีเฉพาะในรุ่น RS เท่านั้น หน้าจอ Virtual cockpit plus มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แสดงรอบเครื่องยนต์ในรูปแบบ bar graph เรียกว่า RS runway design ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก runway สนามบิน และ virtual cockpit plus แสดงค่า G- forces จับเวลารอบสนามแข่ง และจับเวลา 0-100, 0-200 หรือ 1/4mile และยังมี RS -Blinking shift indicator ระบบกระพริบไฟเพื่อบอกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการใช้ paddle shift เพื่อเปลี่ยนเกียร์ในโหมด manual หน้าจอกลางขนาด 10.1 นิ้ว ที่มีชื่อว่า RS Monitor ซึ่งแสดงข้อมูล อุนหภูมิของระบบหล่อเย็น เครื่องยนต์ และน้ำมันเกียร์ รวมไปถึงค่าลมยาง
The New Audi RS3 Sportback มาพร้อมกับพวงมาลัยท้ายตัดมัลติฟังชัน สไตล์ RS sport หุ้มหนังพร้อม paddle shift และยังมีปุ่มปรับโหมด RS performance บนพวงมาลัยฝั่งด้านขวา เพื่อให้ง่ายต่อการปรับโหมด โดยไม่ต้องเอามือออกจากพวงมาลัย เบาะหน้าแบบ RS sport stitching ลาย diamond cut
ระบบอำนวยความสะดวกอื่นๆ ภายในรถไม่ว่าจะเป็น ระบบเครื่องเสียงพรีเมียม Bang &Olufsen 3มิติ หลังคา panoramic sunroof ระบบปรับอากาศแยกอิสระ 3 โซน และระบบช่วยจอด (Park assist) ซึ่งระบบจะช่วยหาที่จอดและควมคุมพวงมาลัยให้ โดยจะมีคำแนะนำเพิ่มเติมให้บนหน้าจอ MMI เพื่อให้ผู้ขับขี่เข้าเกียร์เดินหน้า-ถอยหลัง เบรกหรือเร่ง
เครื่องยนต์ 5 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร คว้ารางวัล International Engine of the year 9 ปีซ้อน และในเจนเนอเรชั่นล่าสุดได้พัฒนาให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์รุ่นก่อนถึง 20 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ 7 สปีด คลัทช์คู่ที่เปลี่ยนเกียร์ได้ฉับไว ทันใจ อัตราทดเกียร์ที่เซ็ตมาเหมาะสุด ๆ กับการขับขี่แบบสปอร์ต อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Audi RS3 Sportback 2022 ที่อาวดี้ ประเทศไทย นำเข้ามาจำหน่ายมาพร้อม RS Sport Exhaust เสียงท่อไอเสียอันเป็นเอกลักษณ์ ดังกระหึ่ม เร้าใจ ท่อไอเสียสามารถเปิดปิดได้ เพื่อให้เสียงท่อเงียบลงในเขตชุมชน หรือเปิดให้เสียงดังขึ้นเพื่อเพิ่มอรรถรสในการขับขี่
เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ถูกบรรจุมา Audi RS3 Sportback 2022 เป็นครั้งแรก กับระบบกระจายแรงบิดอัตโนมัติด้วยไฟฟ้า RS Torque splitter พร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย RS Torque splitter ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายแรงบิดที่ล้อหลังได้ดียิ่งขึ้นโดยมีแผ่น คลัทช์แยกการทำงานของล้อซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระในช่วงที่เข้าโค้ง ถ้าไปด้านซ้ายระบบจะส่งกำลังที่มากขึ้นไปยังล้อหลังฝั่งขวาที่ต้องการกำลังมากกว่า ซึ่งจะช่วยลดอาการ understeer และทำให้รถมีความคล่องตัวมากขึ้นขณะเข้าโค้ง
ระบบ Torque splitter นี้ ยังสามารถเพิ่มความสนุกในการขับขี่ในสถานที่ปิดหรือสนามแข่งได้ โดยจะทำให้รถยนต์สามารถดริฟท์ให้ท้ายปัดได้ โดยการสั่งการผ่านการเลือกโหมดการขับขี่แบบใหม่ในชื่อ RS Torque Rear ซึ่งระบบนี้จะสามารถส่งถ่ายกำลังจากเครื่องยนต์ทั้งหมดลงสู่ล้อหลังข้างเดียวเพียงล้อเดียว
โหมดการขับขี่ RS Performance จะตั้งค่ารถยนต์ให้เหมาะกับการใช้งานในสนามแข่งโดยเฉพาะ โดยทั้ง 2 โหมด การขับขี่แบบใหม่ได้ถูกพัฒนาและเพิ่มเข้ามาในรถยนต์อาวดี้เป็นครั้งแรกในรุ่น RS3 เพื่อตอบโจทย์การขับขี่แบบสปอร์ตได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น สามารถเลือกโหมดการขับขี่แบบอื่น ๆ ได้ ดังนี้ Comfort, Auto, Dynamic, Efficiency และ RS individual
ระบบช่วงล่าง RS Sport suspension มาพร้อมกับระบบกันแรงสั่นสะเทือนและวาล์วที่ออกแบบใหม่ให้กับ Audi RS3 Sportback 2022 โดยเฉพาะ ทำให้ช่วงล่างตอบสนองต่อการขับขี่หลากหลายสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การตั้งองศาแคมเบอร์ให้องศาลบทำให้การตอบสนองของพวงมาลัยแม่นยำมากยิ่งขึ้น และเข้าโค้งได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับ A3 ล้อหน้าจะถูกตั้งค่าให้มีแคมเบอร์ลบเพิ่มขึ้น 1 องศา และล้อหลังจะถูกตั้งค่าให้มีแคมเบอร์ลบเพิ่มขึ้น 0.5 องศา ทำช่วงล่างให้เตี้ยลงและเฟิร์มขึ้นเล็กน้อย เพื่อช่วยให้เกาะถนนมากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งระบบใหม่คือ ระบบ modular vehicle dynamics controller (mVDC) ซึ่งเป็นตัวกลางที่จะนำข้อมูลจาก Torque splitter, adaptive dampers และ wheel selective torque control มารวมกันทำให้รถมีความคล่องตัวเข้าโค้งมากยิ่งขึ้น
ระบบเบรก 6 พอต แบบเจาะรูระบายอากาศออกแบบมาใหม่ให้ใหญ่ขึ้นและเบรกได้อย่างมั่นใจ เพื่อให้สามารถควบคุมพละกำลังมหาศาลจากเครื่องยนต์ 5 สูบได้ และระบบควบคุมอากาศที่ทำให้เบรกเย็นลงเร็วขึ้นกว่าเดิม 20 % ซึ่งจะทำให้เบรกไม่ร้อนจนเกินไป นอกจากนี้ยังสามารถลดการเสื่อมสภาพของผ้าเบรกให้ช้าลง
สี Tango red
สี Mythos black
สี Glacier white
มีให้เลือก 6 สี คือ Glacier white, Mythos black, Python yellow, Tango red, Kyalami green และ Kemora grey เปิดให้จองตั้งแต่วันนี้ ที่โชว์รูมอาวดี้ทั่วประเทศ
นายกฤษฎา ล่ำซำ
นายกฤษฎา ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ อาวดี้ อย่างเป็นทางการแต่เพียงรายเดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า
“นับเป็นเวลา 5 ปี แล้วที่ อาวดี้ ประเทศไทย ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และก้าวสู่ปีที่ 6 อย่างแข็งแกร่ง ตั้งแต่เปิดดำเนินการมา เรามีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องรวมทั้งสิ้น 64 รุ่น 22 body type ครอบคลุมรถยนต์ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV), รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV), และรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป (ICE) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถยนต์สมรรถนะซูเปอร์คาร์ในตระกูล RS ครบทั้งไลน์อัพ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง สามารถครองใจลูกค้าได้อย่างเหนียวแน่น มียอดขายรวมกว่า 5,000 คัน ทำให้แบรนด์อาวดี้เติบโตขึ้นอย่างมากในหลากหลายเซกเมนต์ และมียอดจำหน่ายในช่วงสองปีที่ผ่านมาเติบโตสวนกระแส
โดยกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยสนับสนุนความสำเร็จที่ผ่านมานี้คือ การบริการหลังการขาย ซึ่งรถยนต์อาวดี้ทุกคันมาพร้อมกับการรับประกันคุณภาพ Warranty 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Audi Roadside Assistance 5 ปี อาวดี้ ประเทศไทย เน้นการพัฒนาทักษะของทีมช่างเทคนิคอย่างต่อเนื่องที่ได้รับการรับรองทักษะตามมาตรฐานของ AUDI AG และอะไหล่ที่มีราคาสมเหตุสมผล พร้อมให้บริการจากคลังอะไหล่ทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย และเยอรมัน
และเพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจอาวดี้มาตลอด ขอมอบแคมเปญส่งเสริมการขายกลางปี ดอกเบี้ย 0% ทุกรุ่น (ยกเว้น RS และ EV) สวนกระแสดอกเบี้ยที่กำลังมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยมีรถยนต์ในสต็อคที่พร้อมส่งมอบ 120 คัน สำหรับลูกค้าที่จองและส่งมอบภายใน 1- 31 กรกฎาคม 2565”
ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ