แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ Aston Martin อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในไทย ได้ฤกษ์เปิดตัวรถใหม่รุ่นเรือธงของค่ายที่ ดุกว่าที่เคยมี แรงกว่าขึ้นแท่นระดับตำนาน และเบากว่าภายใต้ชื่อ “Aston Martin DBS Superleggera” ที่ราคา 28.9 ล้านบาท !
Aston Martin DBS Superleggera ตัวแรงสุดระดับ 700 ม้าที่ “เบากว่า” กับราคาเหยียบ 30 ล้าน
ถ้าคุณเคยประทับใจกับรถคู่ใจของสายลับ เจมส์ บอนด์ 007 (ภาคใหม่ ๆ) เชื่อว่ากับรถจาก Aston Martin ในตระกูล “DB” ที่สื่อถึงอัตลักษณ์ความเป็นเลิศในทุกด้านของยนตกรรมจะต้องเคยผ่านตาคุณมาบ้างไม่มากก็น้อย และนี่จะเป็นอีกหนึ่งรุ่นรถที่ทำคุณต้องใจสั่นกับความงดงาม พร้อมทั้งความแรงและสมรรถนะ “ขั้นสุด !” กับ Aston Martin DBS Superleggera (ดีบีเอส ซูเปอร์เลจเจรา) รถสปอร์ตระดับเรือธงของค่ายในสายการผลิต ซึ่งคำว่า Superleggera นั้นมาจากภาษาอิตาลีที่แปลว่า “เบามาก” (Superlight) ที่ตลาดรถรอคอยมาตั้งนาน
Superleggera ภาษาอิตาเลียน แต่กับรถอังกฤษมันต้องมีความหมายซ่อนอยู่
และเมื่อถูกนำมาพ่วงท้ายชื่อรุ่น จึงสื่อความหมายถึงความเบาพิเศษของตัวรถคันนี้ได้เป็นอย่างดี แต่บางคนคงสงสัยว่าทำไมต้องเป็นภาษาอิตาเลียนทั้งที่ Aston Martin ก็เป็นรถจากประเทศอังกฤษแท้ ๆ ซึ่งความจริงแล้วที่ทาง Aston Martin ตั้งใจที่จะสื่อถึงก็คือ “Carrozzeria Touring Superleggera S.r.l.” บริษัทโคชบิลเดอร์สัญชาติอิตาเลียน ผู้ที่ให้คำปรึกษากับ Aston Martin ในการผลิตโครงสร้างรถน้ำหนักเบาระหว่างช่วงทศวรรษที่ 60 – 70s จนได้เป็นต้นกำเนิดของสปอร์ตน้ำหนักเบาสมรรถนะสูงอย่างตามมาอย่าง Aston Martin DB4 และ DB5 นั่นเอง
ดูเพิ่มเติม
>> Five FACT : 5 รุ่นไฮไลท์ที่คุณต้องห้ามพลาด ! ในงาน Motor Show 2019
>> แนะนำ 18 รุ่นรถใหม่ในงาน Bangkok International Motor Show 2019
การร่วมพัฒนากับค่ายต่างชาติตังแต่ยุคเก่า สู่การมาถึงของรุ่นใหม่ให้ระลึกถึงใน DBS Superleggera
Aston Martin DBS Superleggera เมื่อขึ้นชื่อว่าเบามาก ก็จะมาพร้อมโครงสร้างน้ำหนักเบาที่ทำจากอลูมิเนียมผสานร่วมกับการใช้คาร์บอนไฟเบอร์ที่ตัวถัง ทำให้รถคันนี้มีขนาดตัวรถที่ดูบึกบึนน่าเกรงขามยิ่งขึ้น มิติตัวรถใหญ่กว่าเดิม แต่แน่นอนว่าเรื่องของน้ำหนักรถย่อมเบากว่าตัวหลัก DB11 ที่รีดได้เบากว่า 30 กิโลกรัม และยังสามารถ “ไล่เบา” ไปได้อีกถึงระดับ 70 กิโลกรัมเลยทีเดียวตามออพชั่นที่เลือกอย่าง เช่น ตัวหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ เป็นต้น และเมื่อมองที่มิติตัวรถ จะพบว่า “ใหญ่กว่า” ตัวหลัก DB11 ในทุกมุมมอง ดังต่อไปนี้
แต่ที่ยังคงไว้ไม่เปลี่ยนไปนั่นคืออัตลักษณ์เด่นของรถเชื้อสายผู้ดีอังกฤษ Aston Martin กับกระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยม เด่นตระหง่านเห็นมากแต่ไกล จนกินพื้นที่แทบล่างสุดของกันชนเพื่อเน้นในเรื่องของประสิทธิภาพการระบายความร้อน ขนาบข้างด้วยไฟหน้าทรงเพียวบาง ฝากระโปรงทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ให้มาพร้อมช่องลมระบายอากาศ เช่นเดียวกับแก้มข้างด้านหน้าที่เจาะรูระบายความร้อยขนาดใหญ่ แต่กลับทำออกมาได้ลงตัวจนช่วยให้รถดู “โหด-ดุ” มากยิ่งขึ้น ส่วนที่ด้านท้ายจะเป็นสปอยเลอร์หลังทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาอีเช่นกันและดิฟฟิวเซอร์ แบบ 2 ชั้นช่วยกดด้านท้ายของตัวรถเวลาที่เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
ความดุดันมีไว้รอบคัน แถมดุดันยิ่งกว่าตัวหลัก DB11
ภายในห้องโดยสารเรื่องความหรูหราไม่เป็นรองใคร ทุกตารางนิ้วต่างถูกสรรสร้างดุจงานปราณีตศิลป์พร้อมแฝงไว้ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำมากมาย พวงมาลัยให้มาพร้อม Paddle Shift ไม่มีพลาดทุกย่านความเร็วเกียร์ มีให้ครบหมดทุกระบบความบันเทิงผ่านระบบอินโฟเทนเมนต์และระบบนำทางด้วยดาวเทียม โดยจะแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว อีกทั้งยังรองรับระบบสั่งการด้วยเสียงและการเคลื่อนไหวของมือ เครื่องเสียงถูกจัดมาไว้ให้อย่างดีที่สุดเพื่อทุกความสุนทรียะในการเดินทาง เช่นเดียวกับการตกแต่งของเบาะนั่งที่มาจากหนังแท้เกรดหรูพร้อมลวดลายตกแต่งอันเป็นเอกลักษณ์ของรถจาก Aston Martin
ภายในเรื่องความหรูหราต้องเด่นนำ พร้อมด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำมากมาย
เรื่องขุมกำลัง “โหดสุด” แบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถจาก Aston Martin จัดเต็มในทุกย่านความแรงสมกับความเป็นรถระดับเรือธง กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 5.2L แบบ V12 พร้อมพ่วงด้วยเทอร์โบแฝด Twin Turbo ให้กำลังสูงสุดระดับ 715 แรงม้า กับแรงบิดมหาศาลกว่า 900 Nm ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าสูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของรถจาก Aston Martin ที่เคยทำมา และส่งกำลังเร้า ๆ นี้ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 Speed ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.4 วินาที และพร้อมพุ่งทะยานทำความเร็วสูงสุดได้ถึงระดับ 340 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ตัวแรงระดับประวัติศาสตร์ของค่ายกับม้ากว่า 715 ตัว แถมเบากว่าเดิมเป็นสิบกิโลฯ จะไม่บอกว่าโหดได้ไง
เมื่อรถแรง ๆ แบบนี้ก็ต้องมั่นใจด้วยช่วงล่างหนึบ ๆ พร้อมหมดทุกสภาพถนนกับช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ดับเบิลวิชโบน ด้านหลังเป็นแบบ มัลติ-ลิงค์ พร้อมโช้กฯ ที่สามารถปรับความหนืดได้แบบอัตโนมัติ Adaptive Damping System ระบบเบรกมั่นใจได้ด้วยจานเบรกคาร์บอนเซรามิกขนาดใหญ่ที่ด้านหน้า 410 มิลลิเมตร ด้านหลัง 360 มิลลิเมตร และเด่นยิ่งขึ้น เมื่อจับคู่กับล้อแม็กฟอร์จน้ำหนักเบาขนาด 21 นิ้ว รัดด้วยยางซิ่งรุ่นพิเศษที่ทำออกมาสำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ Pellili “P Zero” ด้านหน้าขนาด 265/35/21 และด้านหลัง 305/30/21
เรื่องที่น่ารู้ของ Aston Martin DBS Superleggera
กับราคารถอยู่ที่ 28.9 ล้านบาท กับเงื่อนไขมีเพียงแค่ 4 คันสำหรับโควต้าประเทศไทย น่าจะแสดงให้เห็นว่า Aston Martin คันนี้พิเศษมากแค่ไหน พร้อมลุยขายรถแล้วสำหรับตลาดรถในประเทศไทย และไม่น่าพลาดที่บูธของ Aston Martin ในงาน Mortor Show 2019 ปีนี้ที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2019 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 - 3 อิมแพค เมืองทองธานี จะชู Aston Martin DBS Superleggera เป็นไฮไลท์เด่นที่สุดของบูธ ไปติดตามชมตัวเป็น ๆ กันได้ภายในงานเลย
ดูเพิ่มเติม
>> Audi e-tron EV 100% คันแรกจากค่าย “โฟร์ ริง” อีกตัวเด่นในงาน Motor Show 2019
>> สุดยอดรถสปอร์ตที่จะมาแสดงในงาน Bangkok Motor Show 2019 จะมีรุ่นไหนบ้าง? มาดูกันเลย!
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้