สำหรับใครที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรถสักคัน จากที่เคยขับรถญี่ปุ่นมาก็อาจจะมีบ้างที่มีอาการอยาก “ลองของ” กับรถยุโรปดูสักครั้ง ซึ่งค่ายรถยุโรปที่ดังๆ ในไทยก็จะมีอยู่ 2 ค่ายคือ Benz กับ BMW มือสอง กับโจทย์ราคารถไม่เกิน 5 แสนจะมีรุ่นไหน น่าใช้งาน สมรรถณะเยี่ยม ไม่ต้องปวดหัวกับอะไหล่แพง หรือซ่อมจุกจิก
ที่พูดกันบ่อยๆ ว่าถ้าได้ลองขับรถยุโรปแล้วจะไม่อยากกลับไปขับพวก Toyota, Honda หรือรถญี่ปุ่นอีกเลย เรื่องช่วงล่างมั่นใจได้ยิ่งกว่าเวลาขับขี่ แต่ข้อเสียก็มีคือกินน้ำมันมากกว่า เรื่องอะไหล่ถ้าเป็นรุ่นปีมากสักหน่อย อะไหล่เชียงกงก็มีให้เลือกมาก และราคาก็ไม่ต่างกันมากกับรถญี่ปุ่น ไปดูกันเลยว่ารถ Benz, BMW มือสองราคาไม่เกิน 5 แสนพอๆ กับอีโคคาร์ รถใหม่ป้ายแดงสักคันแต่ได้ยุโรปขับหล่อๆ สมรรถณะดีกว่า มีรุ่นไหนน่าซื้อบ้าง
ราคาของรุ่นนี้อาจจะปริ่มๆ 5 แสนสักหน่อยแต่ถ้ารถมือสอง รอจังหวะดีๆ ก็มีโอกาสที่จะเป็นเจ้าของรุ่นนี้ สภาพดีในราคาไม่เกินงบที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน โฉมนี้เป็นรุ่นที่ผลิตในช่วงปี 2001-2007 แต่ภาพลักษณ์ของรถยังดูไม่เก่าสักเท่าไร สวยไม่สร่าง น่าใช้ ดูแพง กับงบครึ่งล้านคันนี้ใช้ได้เลย
W203 หรือฉายาที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า “ตาถั่ว”
สิ่งที่ต้องสนใจเป็นพิเศษถ้าซื้อมือสอง คือค่าบำรุงรักษา อะไหล่ของรุ่นนี้ที่ถ้าเสียราคาซ่อมหรือเปลี่ยนก็แพงเอาเรื่อง จะเป็นพวกกล่องสมองควบคุมการทำงานส่วนต่างๆ ของตัวรถ ท่อยางต่างๆ และช่วงล่าง ก็เตียมงบประมาณไว้เปลี่ยนหรือปรับปรุงเมื่อได้รถมา เพื่อให้รถอยู่สภาพเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ และหาอู่นอกที่ไว้ใจได้ด้วยทั้งเรื่องหาอะไหล่เทียบหรือมือสองก็จะช่วยให้คุณประหยัดงบการซ่อมไปได้อีกเยอะ
>> ค้นหา เบ้ น มือ สอง ที่นี่
W203 กับงบประมาณ 5 แสนพอที่จะหาได้ในตลาดรถมือสอง
ซีรี่ย์ 3 โฉมนี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2 แสนบาท ที่คุณจะได้คือรูปทรงอันสง่าสวยงาม ดูยังไงก็ไม่เบื่อ ด้านการขับขี่เกาะถนนดีตามแบบฉบับรถยุโรป เข้าโค้งดีไม่มีหลุด เบรกแน่นๆ มั่นใจได้ ทนและอึดมากทั้งเครื่องยนต์และช่วงล่าง เรื่องอะไหล่ก็มีซัพพอทเพียงพอทั้งใหม่หรืออะไหล่มือสอง ส่วนเรื่องราคาอะไหล่ก็ไม่แพงจนปวดหัว
BMW E46 เป็นอีกรุ่นรถยุโรปที่ราคาเข้าถึงได้ง่าย และตัวเลือกมือสองสภาพดีๆ มีอยู่มาก
ถ้าข้อเสียก็คงจะมีอย่างเดียวกับที่รถยุโรปทั่วไปมีนั่นคือกินน้ำมันมากหน่อยแต่มันก็ไม่แพงใช่ไหม ถ้าตัวถังหนักเพราะผู้ผลิตเน้นในเรื่องความปลอดภัย เหล็กตัวถังหนากว่าตัวเครื่องยนต์ก็จะกินน้ำมันมากกว่า
โฉม Facelift สังเกตที่ไฟเลี้ยวด้านหน้าจะยกขึ้นแตกต่างชัดเจน และถ้าเป็นรุ่น coupe สองประตูราคาจะโดดไปไม่ต่ำกว่า 7 แสนบาท
สิ่งที่คุณต้องทำเมื่อซื้อรุ่นนี้มาก็คือเก็บงบประมาณสำหรับซ่อมบำรุงสักหน่อยสัก 6 หมื่นถึง 1 แสนบาทค่อยๆ ทำไปทีละส่วนหรือทำทีเดียวเลยก็จะยิ่งดี เมื่อซื้อ E46 มือสองมาก็เปลี่ยนพวกของเหลวต่างๆ ในรถให้เป็นของใหม่หมดเหมือนเริ่มนับหนึ่งใหม่ เช็คการทำงานของเครื่องยนต์และช่วงล่าง อะไรที่เสื่อมสภาพก็เปลี่ยนตั้งแต่แรก เพื่อให้ขับใช้งานได้อย่างสบายใจหายห่วง
ใหม่ขึ้นมากกว่าโฉม E46 หนึ่งโฉมกับราคาเริ่มต้นเพียงสี่แสนต้นๆ ที่พัฒนาใหม่หมดต่อเนื่องมาให้ทันสมัยกว่าเดิม เพิ่มเหลี่ยมสันต่างๆ มากกว่า ภายในก็ดูใหม่ขึ้นที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี iDrive ซึ่งเป็นหน้าจอแสดงผลทั้งหมดของตัวรถตั้งแต่เครื่องเสียงยันสถานะการทำงาน มีปุ่มควบคุมหลักอยู่ตรงกลางถัดจากบริเวณเกียร์
E90 จะได้รถที่ปีใหม่กว่าพร้อมกับเรื่องการพัฒนาทั้งเครื่องยนต์และจุดด้วยของรุ่นก่อนหน้า
โฉม E90 เครื่องยนต์ก็พัฒนามาใหม่หมดกับรหัส N46 ที่แม้จะรหัสเดียวกับโฉม E46 แต่ก็ปรับใหม่ให้สมบูรณ์แบบลงตัวในการทำงานยิ่งขึ้น แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่บ้างเรื่องน้ำมันเครื่องซึม แต่ถ้าอยากเป็นตัวเครื่องยนต์ที่ไม่จุกจิกก็หารุ่นที่เป็นรหัส N52 เครื่องยนต์ 6 สูบ กินน้ำมันมากกว่า N46 แต่ความจุกจิกมีน้อยกว่า ทนกว่า
ซึ่งรุ่นนี้มีการผลิตอยู่ระหว่างปี 2004-2013 ถ้าจะให้ดีเลือกรุ่นที่เป็นไมเนอร์เช้นจ์หรือ Facelift ช่วงหลังปี 2008 ที่รถมีการปรับปรุงข้อเสียต่างๆ มาแล้ว เลือกซื้อมือสองคันที่มีกุญแจมาให้ครบ 2 ดอกแบบรีโมทจะดีที่สุดเพราะค่าก๊อปปี้กุญแจรีโมทก็แพงเอาเรื่อง ไม่ต่ำกว่า 5 พันบาท
อีกทั้งเรื่องมีเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาเพิ่มมากยิ่งขึ้นรวมไปถึง iDrive จาก BMW
ทั้งสามรุ่นเลือกได้เลย ถ้าคุณอยากลองสัมผัสอารมณ์การขับขี่แบบรถยุโรป รับรองไม่ผิดหวังอยู่ในงบที่ไม่แพงเกินไป ตอนป้ายแดงทั้งสามรุ่นนี้ราคาไม่ต่ำกว่า 2-3 ล้านบาท นั่นหมายถึงคุณจะได้รถคุณภาพหลักล้านมาโดยที่ราคาไม่ยากเกินจะเอื้อมถึงอีกแล้ว
>> ดูเพิ่มเติม:
- เผยโฉม! BMW i3S 2018 พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ขึ้น ก่อนเปิดตัวที่งานแฟรงค์เฟิร์ตมอเตอร์โชว์ 2017