น่าจะกลายเป็นรถแรร์ไอเทมในอนาคตเลยก็ว่าได้สำหรับการเหยียบย่างเข้ามาของอสูรกายตัวนี้ “The Godzilla” Nissan GT-R Premium Edition 2018 ใหม่ (โฉม R35) ครั้งแรกสู่สยามประเทศ หลังมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกพร้อมราคาที่อาจจะทำให้หลายคนทำได้เพียงแค่มองอยู่ที่ 13.5 ล้านบาทไทย
แค่สิบกว่าล้านเอง! Nissan GT-R Premium Edition 2018 ใหม่ เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการที่ราคา 13.5 ล้าน
มร.อันตวน บาร์เตส ประธาน Nissan Motor (ประเทศไทย) ได้กล่าวภายในงานเปิดตัวของ Nissan GT-R Premium Edition 2018 รุ่นนี้ว่า “ผมมีความตื่นเต้นที่ได้นำเสนอรถซูเปอร์สปอร์ตที่มีความทันสมัย ประณีต และก้าวหน้าที่สุดเท่าที่ Nissan เคยผลิตมาสู่ประเทศไทย Nissan สามารถมอบนวัตกรรม และความตื่นเต้นเร้าใจเพื่อทุกคนอีกครั้ง นำลูกค้ามาเป็นหัวใจสำคัญในทุกๆ อย่างที่เราทำซึ่งเป็นเหตุผลที่ Nissan ริเริ่มพัฒนารถซูเปอร์คาร์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ เสียงเรียกร้องที่ดังกระหึ่ม และชัดเจนจากเหล่าแฟนๆ ของ Nissan ในไทยที่ต้องการรถระดับตำนานอย่าง GT-R”
GT-R เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมออฟชั่น และสเปคอัดแน่นไม่ต่างกับรุ่นที่ขายเมืองนอก
การใช้คำว่า “ตำนาน” สำหรับรถรุ่นนี้ก็คงไม่ผิดนัก เพราะ GT-R คือรุ่นหนึ่งที่สร้างชื่อให้กับ Nissan มาอย่างยาวนาน โดย GT-R ได้เปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงยุคปี 50 ชื่อรุ่นก่อนนั้นเป็น Skyline GT-R อย่างที่ขาซิ่งรู้จักกันดีในโฉม R32, R33, R34 แต่มาถึงโฉม R35 Nissan ตัดคำว่า Skyline ออกไปเหลือแต่ GT-R โดยก่อนหน้านั้น รถรุ่นนี้ถูกผลิตโดยค่ายรถที่ชื่อ Prince Motors ก่อนที่จะถูก Datsan ซื้อไป แต่ต่อมาก็มาอยู่ภายใต้ร่มเงาของชื่อ Nissan
และนี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งนักกับรถสปอร์ตระดับตำนานเชกเช่น GT-R จะถูกนำเข้ามาจำหน่ายจากค่ายผู้ผลิตเองโดยตรง แม้ก่อนหน้าจะมี Toyota 86, Subaru BR-Z จะถูกนำเข้ามาจำหน่าย แต่ราคาก็อยู่เพียงระดับ 2 ล้านกว่าๆ เท่านั้น รถระดับเกินสิบล้านกับราคาอยู่ที่ 13.5 ล้านบาทที่ Nissan นำมาขายจึงเกิดคำถามต่อมาว่า เราจะเห็น GT-R ออกศูนย์ Nissan ไทยจริงๆ วิ่งอยู่บนถนนสักกี่คัน?
GT-R ถูกนำขึ้นบนเว็ป Nissan ประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว
การมาของ Nissan GT-R Premium Edition 2018 สู่เมืองไทยในครั้งนี้จะกลายมาเป็นรถที่แพงที่สุดในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการที่มาจากผู้ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น โดย Nissan GT-R Premium Edition 2018 ใหม่นี้ถือเป็นการไมเนอร์เชนจ์รอบที่สองแล้ว รูปลักษณ์โดยรวมในแบบรถสปอร์คูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่งยังคงอยู่เหมือนเมื่อตอนเปิดตัวครั้งแรกในปี 2007 แต่กระจังหน้าได้รับการออกแบบใหม่ตามสมัยคอนเซ็ปต์จาก Nissan ทรง V-motion และฝากระโปรงหน้าใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนที่ดีขึ้นตามหลักอากาศพลศาสตร์ ดิฟฟิวเซอร์หน้าแบบคาร์บอน SMC, หลังเป็นดิฟฟิวเซอร์แบบคาร์บอนคอมโพสิท, ล้อฟอร์จอัลลอยจาก Rays Engineering น้ำหนักเบาซุปเปอร์ไลต์เวตขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางรันแฟลต Dunlop SP Sport Maxx GT 600 DSST CTT ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับกับความแรงในแบบฉบับของ GT-R คันนี้โดยเฉพาะ
สปอร์ตคูเป้สองประตู 4 ที่นั่งกับไมเนอร์เชนจ์ล่าสุด ปรับกระจังหน้าเป็นทรง V-motion
Nissan GT-R Premium Edition 2018 ใหม่คันนี้เป็นรถในระดับแกรนด์ทัวริ่ง สปอร์ตคาร์เต็มขั้นที่พละกำลัง และความแรงแทบไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่า Super Car ตัวแรงจากค่ายยุโรปเลยหลายๆ รุ่นเลย มากับเครื่องยนต์เบนซิน V6 รหัส VR38DETT Twin Turbo ความจุ 3.8L ให้กำลังสูงสุด 555 แรงม้า ที่ 6,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 632 นิวตัน-เมตร ที่ 3,300 - 5,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 Speed พร้อมลูกเล่นในการขับขี่ R-Mode เป็นระบบขับเคลื่อน แบบ 4 ล้อ ซึ่งความพิเศษของเครื่องยนต์ V6 ใน GT-R คันนี้คือมันเป็นเครื่องยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมือจากผู้เชี่ยวชาญ 5 คนที่ทาง Nissan เรียกพวกเขาว่า “Takumi" และเครื่องยนต์ที่ผลิตเสร็จเรียบร้อยจะมีเพลทโลหะการันตีติดไว้ที่เครื่องยนต์ ระบุชื่อของทาคุมิผู้สร้างแต่ละคนรวมไว้ที่โรงงาน Nissan ในโยโกฮาม่า
เครื่องยนต์ GT-R ทุกคันประกอบด้วยมือ มีเพลทระบุชื่อคนประกอบทุกตัว
ชื่อเสียงของ Nissan GT-R โฉมนี้เคยสร้างไว้จนทำให้คนทั่วโลกต้องหันมาจับตามองนั่นคือการที่มันเป็นหนึ่งในรถยนต์แบบ 4 ที่นั่ง ที่เร่งทำความเร็วได้ 0-100 เร็วที่สุดในโลก โดยใช้เวลาเพียง 2.8 วินาทีเท่านั้น กับน้ำหนักรวมตัวรถที่ 1,770 กิโลกรัม ถือว่าทำความเร็วได้เทียบเท่า Super Car ระดับหัวหลายๆ รุ่นไม่ว่าจะเป็น Porsche 911 และ Lamborghini Aventador ก็ต้องมีเกร็งกันบ้างเมื่อเจอ Godzilla ตัวนี้วิ่งอยู่ด้วยบนท้องถนน
ความพิเศษของคำที่มาว่า Premium Edition นั่นคือเรื่องช่วงล่าง และระบบเบรคที่ GT-R มากับโช๊คอัพ Bilstein DampTronic พร้อมลูกเล่นในการขับขี่ปรับได้ 3 โหมดคือ Normal, Comfort และ R ติดตั้งระบบเบรกจาก Brembo Monoblock ด้านหน้า 6 ลูกสูบ และ 4 สูบที่ด้านหลัง พร้อมจานดิสก์เบรกของ Brembo อีกเช่นกันแบบสองชิ้นเจาะรู และเซาะร่องกลางจานขนาด 390 มม. ที่ล้อหน้าและ 380 มม. ที่ล้อหลัง
ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งหุ้มวัสดุหนังปรับด้วยระบบไฟฟ้า แผงคอนโซลตกแต่งด้วยวัสดุที่เป็นหนังตัดเย็บด้วยมือ, ติดตั้งหน้าจอ Display Command ขนาด 8 นิ้ว พร้อมเครื่องเสียงคุณภาพสูงจาก Bose รองรับ CD/MP3/AUX และ USB 2 ตำแหน่ง ลำโพงจัดเต็มมาให้ถึง 11 ตัว พร้อมระบบนำทาง Navi, พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ 3 ก้าน พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ดีไซน์ใหม่ แม้สเปคเครื่องยนต์ และรูปทรงของตัวรถจะมาในแบบสปอร์ตเต็มขั้นแต่เห็นได้ชัดว่า Nissan GT-R คันนี้ก็มอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ในรูปแบบ Street Use ไม่น้อยเหมือนกัน ผู้ใช้สามารถขับขี่ใช้งานปกติได้ทุกวันแบบสบายๆ
ภายในหรูหราน่าขับ ใช้งานได้ทุกวัน ขับไม่เหนื่อย
Nissan GT-R Premium Edition 2018 เวอร์ชั่นสยามประเทศจะมากับสีตัวถังให้เลือกดังต่อไปนี้
อีกทั้งผู้ซื้อก็ยังสามารถเลือกสีภายในห้องโดยสารได้โดยมีให้เลือก 4 สี ดังต่อไปนี้
ใครที่อยากลองไปสัมผัสตัวเป็นๆ ของ Godzilla ตัวโหด Nissan GT-R Premium Edition 2018 คันนี้ ก็ลองแวะเวียนเข้าไปชมได้ที่บูธของ Nissan ภายในงาน Bangkok Motor Show 2018 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 มีนาคมถึง 8 เมษายน 2018 นี้ กับราคาที่อาจจะสูงสำหรับขาซิ่งกระเป๋าหนักเท่านั้นที่จะซื้อได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจของ Nissan ไม่น้อยที่กล้านำรุ่นนี้มาขายในไทย แสดงว่า Nissan น่าจะมองเห็นอะไรบางอย่างเกี่ยวกับฐานลูกค้าที่มีกำลังซื้อ หรือต้องการปูพื้นฐานสู่ GT-R โฉมใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในอีกไม่กี่ปีนี้ ให้ผู้ซื้อมั่นใจว่าถ้ารุ่นต่อไปออกมา ให้รอซื้อกับทาง Nissan ดีกว่า ยังไงต้องรอดูต่อไป
แล้วคุณละชอบอะไรใน Nissan GT-R Premium Edition 2018 Thai Edition คันนี้บอกกับเรา Chobrod ให้รู้กันหน่อย ใต้ Comment นี้เลย
ดูเพิ่มเติม