เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา Mercedes Benz ประเทศไทย ได้ทำการเปิดตัวโรงงานประกอบแบตเตอรี่ ด้วยงบลงทุนถึง 3.9 พันล้านบาท เพื่อใช้กับ PHEV เพื่อจำหน่ายในไทย ที่ จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีผู้บริหารระดับสูงจาก Mercedes ทั้งจาก Daimler AG, Mercedes-Benz Manufacturing Thailand และบริษัท Mercedes-Benz ประเทศไทยร่วมจัดพิธีเปิดร่วมกัน และยังเป็นค่ายแรกที่มีการผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นประเทศที่ 6 ที่มีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ และเป็นแห่งแรกในอาเซี่ยน
เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา Mercedes Benz ประเทศไทย ได้ทำการเปิดตัวโรงงานประกอบแบตเตอรี่ ด้วยงบลงทุนถึง 3.9 พันล้านบาท เพื่อใช้กับ PHEV เพื่อจำหน่ายในไทย ที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีผู้บริหารระดับสูงจาก Mercedes ทั้งจาก Daimler AG, Mercedes-Benz Manufacturing Thailand และบริษัท Mercedes-Benz ประเทศไทยร่วมจัดพิธีเปิดร่วมกัน และยังเป็นค่ายแรกที่มีการผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นประเทศที่ 6 ที่มีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ และเป็นแห่งแรกในอาเซี่ยน
คุณอันเดรส เล็ตเนอร์ ประธานบริหาร Mercedes Benz Manufacturing Thailand กล่าวว่างบลงทุน 100 ล้านยูโร นับจากปีนี้จนถึงปี 2563 เป็นการลงทุนร่วมกันระหว่าง Mercedes และบริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด ด้วยสัดส่วนการลงทุน 50% เท่ากัน ซึ่ง TAAP นั้นเป็นโรงงานผลิตรถ Mercedes 9 รุ่น C, E, S, GLE, GLA, CLA, GLC, GLC Coupe และ C-Class Coupe พร้อมๆ กับที่จะผลิตรถ PHEV ในปี 2562 กำลังผลิตเพียงพอต่อรถยนต์ไฮบริดในประเทศ และในภูมิภาค ได้ใช้เงินลงทุนในการขยายโรงงานผลิตรถยนต์ด้วย
ในกลุ่มตลาดรถยนต์หรูระดับพรีเมียมเป็นปีที่ 17 Mercedes Benz ยังครองความเป็นผู้นำในกลุ่มตลาดรถยนต์หรูระดับพรีเมียมเป็นปีที่ 17 ติดต่อกันในตลาดไทย ภายในปี 2565 ทางบริษัทจะดำเนินการให้รถยนต์ของ Mercedes Benz ผสานการ ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าอย่างทั่วถึง ให้ลูกค้ามีทางเลือกรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างน้อย 1 รุ่นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์อีกด้วย
ถือเป็นอีกสัญญาณดีของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทย แต่สุดท้ายแล้วราคาอาจไม่ถูกเท่ากับที่หลายคนคิดไว้ ท่ามกลางการพูดถึงกันอย่างแพร่หลายของรถยนต์ไฟฟ้า แต่ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงจึงทำให้เรียกได้ว่าเป็นรถ สำหรับคนมีเงิน อย่างไรก็ตามสถาพตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทยเริ่มมีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ Mercedes-Benz ประเทศไทยตัดสินใจลงทุนกว่า 100 ล้านยูโร (ราว 3,800 ล้านบาท) เพื่อขยายโรงงานผลิตรถยนต์ที่จังหวัดสมุทรปราการให้รองรับการประกอบแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าประเภท Plug-in Hybrid ได้ภายในปี 2562 และยังมีอัตราการเติบโตขึ้นอีกที่ทางตลาดของไทย และทั่วโลก
ปัจจุบันยังมีความต้องการในตลาดไทยอยู่ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ให้บริการรถเช่า หรือธุรกิจลิมูซีน ขณะเดียวกันยังประกาศความชัดเจนในการทำตลาดรถยนต์ดีเซลต่อไป ยิ่งตัวเครื่องยนต์ดีเซลของบริษัทนั้นลดการปล่อยมลพิษได้ค่อนข้างมากทำให้การทำตลาดจะเดินคู่ขนานไปกับรถยนต์ไฟฟ้าประเภท Plug-in Hybrid และยังคงต้องรอให้ทุกอย่างพร้อม และตัวผู้บริโภคที่เชื่อมั่นในเทคโนโลยีนี้