เจ้าใหญ่บิ๊กเบิ้มแห่งวงการเสิร์จเอ็นจิ้นระดับโลกอย่าง แม้ว่าจะโดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต ที่ก้าวล้ำหน้าแซงคู่แข่งไปไกลโขแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้เท่านั้นนะ … ยังคงเข็นสิ่งที่น่าสนใจและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่โดนใจสาวกไอทีกันอยู่เรื่อยๆ ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม พุ่งแรงฉุดไม่อยู่ เป็นอีกครั้งที่ Google Car เป็นข่าว เพราะเดิมที โครงการรถไร้คนขับของ Google อาศัยการดัดแปลง ติดตั้งเซนเซอร์และระบบควบคุมใส่ในรถที่ถูกผลิตขึ้นจำนวนมากเพื่อวางขายในท้องตลาด แต่ครั้งนี้ ...
เจ้าใหญ่บิ๊กเบิ้มแห่งวงการเสิร์จเอ็นจิ้นระดับโลกอย่าง Google แม้ว่าจะโดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต ที่ก้าวล้ำหน้าแซงคู่แข่งไปไกลโขแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้เท่านั้นนะ … ยังคงเข็นสิ่งที่น่าสนใจและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่โดนใจสาวกไอทีกันอยู่เรื่อยๆ ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม พุ่งแรงฉุดไม่อยู่ เป็นอีกครั้งที่ Google Car เป็นข่าว เพราะเดิมที โครงการรถไร้คนขับของ Google อาศัยการดัดแปลง ติดตั้งเซนเซอร์และระบบควบคุมใส่ในรถที่ถูกผลิตขึ้นจำนวนมากเพื่อวางขายในท้องตลาด แต่ครั้งนี้ Google ได้เผยโฉมรถไร้คนขับรุ่นใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดด้วยความร่วมมือจากบริษัทที่ไม่เอ่ยนามในดีทรอยต์
โดยรถต้นแบบของ Google ไม่ต้องใช้คนขับเลยจริงๆ ซึ่งภายในตัวรถไม่มีทั้งพวงมาลัยหรือแม้กระทั่งแป้นคันเร่งและเบรค ทั้งหมดถูกแทนที่ด้วย Software และเซนเซอร์ต่างๆ วิธีการทำงานก็เพียงแค่กดปุ่มรถก็จะส่งคุณไปยังที่หมายเอง ทางบริษัท Google กล่าวว่ารถต้นแบบนี้ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นซึ่งทางบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาต่อไปอย่างเร็วที่สุดเพื่อที่จะให้สามารถใช้งานได้จริง เห็นครั้งแรกอาจจะนึกว่ารถคันนี้ออกมาจากการ์ตูนเรื่องไหน แต่รถคันเล็กน่ารักนี้เป็นรถจริง ๆ มี 2 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า วิ่งได้ระยะทาง 160 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เพื่อความปลอดภัยในกรณีเกิดอุบัติเหตุรถชน ตัวรถด้านหน้าจึงทำจากพลาสติกและควบคุมความเร็วสูงสุด 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และที่สำคัญไปกว่านั้น Google กล่าวว่ารถยนต์ไร้คนขับนี้ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก มีการติดตั้งเซนเซอร์เพื่อไม่ให้มีจุดที่มองไม่เห็น (Blind Spots) และรถยนต์ยังสามารถตรวจจับวัตถุต่างๆ ได้ไกลกว่า 2 ความยาวสนามฟุบอลในทุกทิศทาง
Google คาดหวังว่ารถอัตโนมัติจะเป็นอนาคตของการเดินทาง เป็นการเดินทางที่แต่ละคนไม่ต้องมีรถของตัวเอง เมื่อต้องการใช้รถก็เรียกรถได้ผ่านทางสมาร์ตโฟน เมื่อใช้เสร็จรถก็วิ่งไปบริการผู้โดยสารคนถัดไป ทำให้ประหยัดทรัพยากร ลดมลพิษ ประหยัดที่จอดรถ ลดอันตรายบนท้องถนน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม นี่เป็นการพัฒนาอีกขั้นนึงที่น่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว แต่ในบางพื้นที่ของประเทศสหรัฐอเมริกายังไม่อนุญาตให้รถประเภทนี้ขับขี่ออกสู่ท้องถนน ซึ่งใช้ได้เพียงแค่การทดลองเท่านั้น แต่กูเกิ้ลยังคงไม่ย่อท้อได้พยายามผลิตรถรุ่นใกล้เคียงที่เหมือนจริงมากที่สุด เพื่อที่จะได้ทำการทดสองในสนามให้เกิดความพร้อมในการลงสู่ถนนจริง ภายในปี 2015 ตามที่ได้วางแผนไว้… ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมไอเดียแจ่ม ที่น่าจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้รถยนต์ขับขี่ในระยะทางใกล้ๆ
[youtube]https://www.youtube.com/watch?v=CqSDWoAhvLU[/youtube]