ยกเลิกตั้งด่านทั่วเมืองกรุง ทำได้จริง หรือแค่มโนคติที่ไม่มีทางเป็นจริง

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 4 ต.ค 2560
แชร์ 0

เรียกเสียงเฮกันเกียวกราวได้ไม่เบาให้กับคนกรุงเทพ กับการรับตำแหน่งของ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช หรือ บิ๊กหยม ในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พร้อมกับประกาศนโยบายยกเลิกด่านกวดขันวินัยจราจร

 


 

ด้วยเหตุผลว่าด่านดังกล่าวคือต้นเหตุของการทำให้รถติดในเมืองกรุง และให้เจ้าหน้าที่มุ่งเน้นในการบังคับใช้กฎหมายจราจรซึ่งหน้าแทน แต่จะทำจริงได้แค่ไหนหรือว่าเป็นแค่คำอวดอ้างเอาใจประชาชนตามกระแสวันรับตำแหน่งเท่านั้น

 

ด่านตำรวจคือต้นเหตุของรถติด

จริงหรือไม่ที่ว่าการตั้งด่านตำรวจคือต้นเหตุที่ทำให้เวลาปกติธรรมดา ซึ่งในช่วงเวลาที่รถซาประชนชนกลับมาต้องเจอปัญหาจราจรรถติดเพราะการตั้งด่าน แทนที่จะเน้นไปในการป้องกันและปราบปรามตามหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลับแสวงหาผลประโยชน์จากเปอร์เซ็นใบสั่ง
 

การกรวดขันที่มาจากดุลยพินิจที่ไม่ซื่อตรง ส่งผลให้ผู้ใช้รถหมดศรัทธาในตัวตำรวจ

การกรวดขันที่มาจากดุลยพินิจที่ไม่ซื่อตรง ส่งผลให้ผู้ใช้รถหมดศรัทธาในตัวตำรวจ
 

จะไม่ให้ประชาชนบ่นได้อย่างไร ต่อให้เลือกที่จะใช้รถในเวลาที่คาดว่ารถจะน้อยลงแล้วกลับยังเจอปัญหารถติดที่สาเหตุมาจากการตั้งด่านจากเจ้าหน้าที่ ที่มีเป้าหมายเพียงยอดค่าปรับรายวันเท่านั้นแม้จะมีบางกลุ่มที่เห็นว่าการยกเลิกด่านตำรวจมีข้อเสียอยู่บ้างนั้น คือเป็นช่องทางให้กลุ่มมิจฉาชีพสามารถเดินทางได้สะดวกกว่า แต่จะว่าไปด่านตอนกลางวันที่ตั้งทำให้เกิดปัญหาจราจรพวกนี้ ใช่ว่าจะตรวจเข็มงวดเท่ากับด่านที่ตั้งมาเพื่อจับตรวจ ยาเสพติดหรือการกระทำผิดกฎหมายโดยเฉพาะที่เข้มงวดกว่า ให้ผู้ขับรถทุกคันลงมาจากรถ ตรวจค้นอย่างละเอียด

 

ดุลพินิจที่ขาดความน่าเชื่อถือ

คำว่าดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ตอนนี้ใช่ว่าจะประชาชนทั่วไปจะเชื่อ น้ำหนักของความน่าเชื่อถือถูกลดหย่อนลงไปหมดแล้วจากสื่อสังคมโซเชียลต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่รู้จริงซึ่งข้อกฎหมายของเจ้าหน้าที่แต่ละนาย จนทุกวันนี้ประชาชนต้องถ่ายเอกสารหนังสือกฎหมายติดตัวเพื่อแย้งข้อกล่าวหาที่มาจากผู้ใช้กฎหมายที่ไม่ได้รู้กฎหมายจริงบางคน และดุลพินิจที่ซึ่งอาจมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องในการตัดสิน
 

การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอาจจะช่วยให้ภาพลักษณ์ของคำว่า “ตำรวจ” ดูดีขึ้นบ้าง ที่การตัดสินการกระทำผิดมาจากการใช้รถที่ผิดกฎหมายจริงๆ ปราศจากซึ่งอารมณ์และแรงจูงใจด้านเปอร์เซ็นส่วนแบ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง
 

การขวดขันวินัยจราจรที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักฐานที่ชัดเจน ที่มาจากการใช้เทคโนโลยีทำให้ผู้กระทำผิดวินัยยอมจำนนด้วยหลักฐานคือสิ่งที่ประชาชนยอมรับได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายๆ คือเรดาห์จับความเร็วที่ถ่ายภาพรถ ป้ายทะเบียนไว้ชัดเจนนพร้อมความเร็วที่เกินกำหนดก็ไม่ได้มีประชาชนคนไหนโต้แย้ง ต้องยอมไปจ่ายค่าปรับเพราะตัวเองกระทำผิดจริง
 

ถ้าภาครัฐจะยอมเจียดงบประมาณมาลงกับเทคโนโลยีสักหน่อย สำหรับใช้ในการตรวจจับรถที่กระทำผิดเงื่อนไขที่ว่าต้องใช้เจ้าหน้ามาตั้งด่าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเช่น อังกฤษหรือสิงคโปร์ จะไม่มีทางที่จะเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมายืนรอดักตั้งด่านแบบนี้ ด้วยเทคโนโลยีที่ทุกคนต่างรู้แต่ภาครัฐกลับนิ่งเฉยไม่ใส่ใจ ยอมเห็นความสำคัญสักหน่อย แต่กลับปล่อยให้กล้องพัง กล้องหาย จนสุดท้ายก็กลายเป็นวังวนให้เจ้าหน้าที่กลับมาตั้งด่านได้เช่นเดิม
 

ปัญหาด่านทำให้รถติดโดยไม่จำเป็น

ปัญหาด่านทำให้รถติดโดยไม่จำเป็น
 

เมื่อปัญหาของเทคโนโลยีจากรัฐไม่เพียงพอ การเปิดรับการแจ้งข้อมูลจากภาคประชาชนก็เป็นอีกทางเลือกที่สามารถทำได้ง่ายไม่ต้องใช้งบประมาณสูงเกินฝัน ทุกคนที่มี Smart Phone สามารถถ่ายภาพหรือวีดีโอและนำส่งแจ้งให้ทางภาครัฐ ภาครัฐก็พิจารณาว่าเข้าข่ายข้อหาใดก็แจ้งจับข้อหาได้ตามกฎหมาย ยิ่งจะทำให้คนใช้รถหวาดระแวงที่จะกระทำผิดและยังช่วยลดการปะทะซึ่งหน้ากับเจ้าหน้าที่ได้อีกด้วย
 

ความฝันหรือแค่มโน

แม้จะประกาศออกมาสร้างกระแสหรือมอบของขวัญให้คนกรุง แต่อยากให้ทุกคนยอมรับกันเถอะว่ามันเป็นเพียงแค่นโยบาย กี่ครั้งแล้วที่มีประกาศออกมาทั้งยกเลิกการตั้งด่านตรวจวินัยหรือด่านลอยแต่ผ่านไปสักพักคำพูดพวกนี้ก็กลายเป็นแค่ลม ความเป็นจริงแล้วแม้จะมีคำสั่งยกเลิกมันก็แค่นโยบายซึ่งมีช่องโหว่ให้แทรก ด่านที่คุณกำลังเจออยู่สามารถอ้างได้ด้วยเหตุผลร้อยแปด ทั้งด่านอาชญากรรม ด่านตรวจจับการกระทำกฎวินัยจราจร บลา บลา บลา ฯลฯ
 

เอาเป็นว่าก็ต้องมาลุ้นกันยาวๆ กับคำสั่งหรือนโยบายนี้ของ บิ๊กหยม ว่าจะไปได้สักกี่น้ำ นานแค่ไหนที่เราทุกคนจะวนกลับมาเจอปัญหาหรือวงจรอบาทว์เดิมๆ ของปัญหารถติดที่สาเหตุมาจากการตั้งด่านหรืออย่างน้อยก็ภาวนาให้สามารถทำได้จริงในระยะยาว ประเทศไทยจะได้ก้าวสู่ยุค 4.0 จริงๆ สักที

>> โอเคไหม?? แท็กซี่ไทย ร้องคมนาคม ขอค่าโดยสาร 2 โซน รถติดกับไม่ติด
>> รถติดไม่ต้องเมื่อยเมื่อมี Auto Brake Hold