ตัวเป็นๆ Ford Everest หลุดภาพวิ่งที่เมืองลุงแซม ส่วนในไทยยกเลิก 2 รุ่นย่อย

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 4 พ.ค 2561
แชร์ 3

ข่าวอัพเดทล่าสุดของการเปลี่ยนแปลงใน Everest ใหม่ เวลาผ่านก็ยังคงมีออกมาอย่างเนื่อง ซึ่งหลังจากมีภาพเรนเดอร์ที่น่าจะชัดเจนสุดแล้วว่า Everest จะมากับหน้าตาใหม่ ทั้งไทยเทศก็มีข่าวความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับรถรุ่นนี้ โดยในไทยจะมีการตัดรุ่นย่อยที่เป็นเครื่องยนต์ 3.2L ออกไปและ รุ่น 2.2L ด้วยหนึ่งรุ่น ส่วนในต่างประเทศ Everest ไมเนอร์เชนจ์ ก็ถูกจับภาพตัวเป็นๆ ได้ที่สหรัฐฯ

ตัวเป็นๆ Ford Everest หลุดภาพวิ่งที่เมืองลุงแซม ส่วนในไทยยกเลิก 2 รุ่นย่อย

ตัวเป็นๆ Ford Everest หลุดภาพวิ่งที่เมืองลุงแซม ส่วนในไทยยกเลิก 2 รุ่นย่อย

Everest ไมเนอร์เชนจ์ที่ก่อนหน้ามาพร้อมกับกระแสข่าวเครื่องยนต์ตัวใหม่ Ecoblue เทคโนโลยีเดียวกับ Ranger Raptor ก็ตอกย้ำความน่าจะเป็นของข่าวนี้มากขึ้นไปอีก ด้วยล่าสุดที่ Ford ประเทศไทย ออกมาประกาศยกเลิก 2 รุ่นย่อยจากเดิมที่มีอยู่ 3 ทำให้ตอนนี้ ในโฉมเดิมของ Everest เหลือจำหน่ายอยู่เพียงรุ่นย่อยเดียวเท่านั้นคือรุ่น รุ่น 2.2 Titanium+ 4x2 AT ที่ราคา 1,569,000 บาท(ซึ่งในรุ่นที่ถูกยกเลิกการผลิตไปนั้นยังพอหาซื้อได้บางสาขาของ Ford ที่ยังเป็นรถค้างสต๊อก)

 

รุ่นย่อย 2.2 Titanium+ 4x2 AT ที่ราคา 1,569,000 บาท เพียงรุ่นเดียวของ Everest โฉมเดิมที่ยังมีผลิต

Ford Everest กับรุ่นย่อยทั้งหมดที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน

รุ่น 2.2 Titanium 4x2 AT ราคา 1,369,000 บาท (ยกเลิกการผลิต)

รุ่น 2.2 Titanium+ 4x2 AT ราคา 1,569,000 บาท

รุ่น 3.2 Titanium+ 4x4 AT ราคา 1,769,000 บาท  (ยกเลิกการผลิต)

รายละเอียดที่น่าสนใจของ Ford Everest 2.2 Titanium + A/T รุ่นที่ยังคงมีขายอยู่ตอนนี้มีดังต่อไปนี้

เครื่องยนต์

เครื่องยนต์ดีเซล TDCi Turbo ขนาด 2.2L พร้อมระบบหัวฉีด Direct Fuel Injection คุ้มค่าทุกหยดของเชื้อเพลิง ให้กำลังสูงสุดถึง 160 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 385 นิวตันเมตร ผสานการทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 Speed พร้อมลูกเล่นโหมดการเปลี่ยนเกียร์แบบธรรมดา

 

เครื่องยนต์ 2.2L เทอร์โบ ให้กำลัง 160 ม้า คือไซส์เดียวที่ยังผลิตอยู่สำหรับ Everest

เครื่องยนต์ 2.2L เทอร์โบ ให้กำลัง 160 ม้า คือไซส์เดียวที่ยังผลิตอยู่สำหรับ Everest

ระบบความปลอดภัยที่น่าสนใจ

  • กล้องมองหลังขณะถอยจอด
  • ถุงลมนิรภัย 7 จุด (คู่หน้า, ด้านข้าง, หัวเข่าฝั่งคนขับและม่านถุงลมนิรภัย)
  • ระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด
  • ระบบตรวจจับรถในจุดบอด
  • ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA
  • ระบบป้องกันล้อล็อค ABS และกระจายแรงเบรค EBD
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TC
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
  • ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ

 

มาตรฐานความปลอดภัยไม่ธรรมดา สำหรับ Everest ต้องดูว่าไมเนอร์เชนจ์จะมีอะไรเด่นเพิ่มมาให้อีก

อุปกรณ์ภายนอกที่น่าสนใจ

  • หลังคา Panoramic Moonroof แบบปรับไฟฟ้า
  • ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
  • ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
  • ไฟ Daytime Runing แบบ LED
  • ไฟหน้า HID ปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ
  • ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ

อุปกรณ์ภายในที่น่าสนใจ

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control
  • ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ
  • กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
  • หน้าจอสัมผัส 8 นิ้ว พร้อม Apple CarPlay, Navigator
  • ช่องต่อไฟ 12 V จำนวน 4 จุด
  • ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า
  • ปลั๊กไฟบ้าน AC 230 V
  • ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลังแบบปรับอุณภูมิแยกได้
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา
  • ระบบเปิด-ปิดกระจกสัมผัสเดียว
  • เทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน
  • เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางทั้งด้านคนขับ และผู้โดยสารด้านหน้า
  • เบาะหนังสีเบจหรือสีดำ
  • เบาะแถวที่ 3 พับไฟฟ้า
  • ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร พร้อมโหมดเปลี่นยนสีได้ 7 โทนสี

ส่วนในต่างประเทศก็มีช่างภาพจับภาพของ Ford Everest ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ได้ที่เมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน สหรัฐอมเริกา ซึ่งค่อนข้างเหมือนกับภาพเรนเดอร์ของข่าวที่ออกมาก่อนหน้า เด่นชัดที่ความเปลี่ยนแปลงบริเวณด้านหน้าทั้งกระจัง และกันชนหน้าพร้อมการ์ดเสริมทรงใหม่ และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่แบบ 6 ก้านคู่ขนาด 20 นิ้ว นอกนั้นที่ภายนอกก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ที่น่าสนใจกว่าคือส่วนของเครื่องยนต์ และเกียร์ที่ Ford นำเสนอให้กับ Everest ใหม่นี้น่าจะเป็นเครื่องยนต์ และเกียร์บล็อกใหม่แบบเดียวกับที่อยู่ใน Raptor แต่ระดับความแรงมี 2 เกรดดังต่อไปนี้

1.เครื่องยนต์ดีเซล TDCi ขนาด 2.0L แรงม้าอยู่ที่ 180 ตัว และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 420 นิวตันเมตร

2.เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ TDCi Bi-Turbo ขนาด 2.0L ที่แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 213 ตัว และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 500 นิวตันเมตร เทียบเท่า Ford Ranger Raptor

และในเวอร์ชั่นขายที่อเมริการุ่นเครื่องยนต์ 3.2L ก็ยังมีมาให้เลือกอยู่ด้วยเช่นกัน โดยในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0L ยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ 10 Speed แบบเดียวกับที่ใช้อยู่ใน Ranger Raptor อีกด้วย

 


 

ภาพไมเนอร์เชนจ์ตัวเป็นๆ ของ Everest ภายนอกปรับไม่มาก แต่น่าสนใจที่ใต้ฝากระโปรง

ภาพไมเนอร์เชนจ์ตัวเป็นๆ ของ Everest ภายนอกปรับไม่มาก แต่น่าสนใจที่ใต้ฝากระโปรง

กระแสของข่าวทั้งจากสองฝากเป็นไปในแนวทางเดียวกันสำหรับ Ford Everest ไมเนอร์เชนจ์ประเทศไทยน่าจะมาพร้อมกับทางเลือกในด้านเครื่องยนต์ใหม่ กับเครื่องยนต์ขนาด 2.0L EcoBlue เทคโนโลยีเดียวกับ Ranger Raptor ซึ่งแน่นอนว่ารุ่นไมเนอร์เชนจ์น่าจะมีรุ่นย่อยเพิ่มขึ้นมาสำหรับเครื่องยนต์บล็อกนี้แหละ คงต้องรอติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดอีกที กับการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้ที่จุดสนใจไม่ได้อยู่ในเรื่องรูปลักษณ์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนนั่นคือเครื่องยนต์ ที่หลายฝ่ายต่างลุ้นหวังจะได้ควบพลังเฉกเช่นเดียวกับไดโนเสาร์ตัวร้าย Raptor ที่สำหรับบางคนสู้ไม่ไหวกับกระบะราคาล้านเจ็ด แต่ถ้ามาในรูปแบบ PPV อย่างใน Everest ก็อาจจะพอไหว
Chobrodขอฝากความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไว้เพียงเท่านี้และอย่าลืมแชร์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ของคุณให้เราด้วยโดยการให้ Comment ด้านล่างนี้ได้เลย