กลเม็ดเคล็ดลับในการลากจูงเทรลเลอร์ โดย Chevrolet ประเทศไทย

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 11 ม.ค 2562
แชร์ 6

แนะนำเคล็ดลับวิธีการลากจูงเทรลเลอร์ ที่ใช้ในการท่องเที่ยวพักผ่อน และใช้ในการประกอบธุรกิจอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน และเพื่อการบรรทุกที่เหมาะสม โดยทางได้ให้คำแนะนำที่น่าสนใจมาทั้งหมด 5 ข้อ ด้วยกัน เรามาดูกันเลยดีกว่า

Chevrolet ประเทศไทย แนะนำเคล็ดลับวิธีการลากจูงเทรลเลอร์ ที่ใช้ในการท่องเที่ยวพักผ่อน และใช้ในการประกอบธุรกิจอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน และเพื่อการบรรทุกที่เหมาะสม โดยทาง Chevrolet ได้ให้คำแนะนำที่น่าสนใจมาทั้งหมด 5 ข้อ ด้วยกัน เรามาดูกันเลยดีกว่า

เคล็ดลับในการลากจูงเทรลเลอร์ โดย Chevrolet ประเทศไทย

เวลาพูดถึงรถยนต์ที่เหมาะกับการลากจูง ก่อนอื่นเราต้องดูก่อนว่า รถยนต์แต่ละคันนั้นได้รับการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการลากจูงที่เหมาะสมหรือไม่ ยกตัวเองอย่างรถยนต์ที่สามารถลากจูงได้ เช่น รถกระบะ โคโลราโดสามารถลากจูงเทรลเลอร์ที่มีระบบเบรกได้ถึง 3,500 กิโลกรัม และรถอเนกประสงค์ เทรลเบลเซอร์สามารถลากจูงได้ถึง 3,000 กิโลกรัม อย่างรถยนต์บางรุ่นจะมาพร้อมกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่เข้ามาช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถลาดจูงได้ง่าย เช่น ระบบลดอาการส่ายขณะลากจูงเทรลเลอร์ (Trailer Sway Control) ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (Hill Start Assist) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control) และระบบช่วยลงทางลาดชัน (Downhill Mode) ซึ่งรถยนต์ที่มีระบบเหล่านี้ของทางค่าย Chevrolet ก็จะมี รถกระบะ Chevrolet Colorado Midnight Edition, Chevrolet Colorado High Country, Chevrolet Colorado High Country Storm, และ Chevrolet Colorado Centennial Edition และรถอเนกประสงค์รุ่น Chevrolet Trailblazer LT, LTZ และ C71

ดูเพิ่มเติม

ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (Hill Start Assist)

สำหรับเคล็ดลับง่ายๆ 5 ข้อ ในการลากจูงเทรลเลอร์ ที่ทาง Chevrolet ประเทศไทย แนะนำ มีดังนี้ค่ะ

ข้อที่หนึ่ง ควรเลือกตะขอลากที่เหมาะสม

การเลือกตะขอลากจูงและสายไฟเชื่อมต่อที่เหมาะสม มีผลต่อการควบคุมรถยนต์ การเข้าโค้ง และการเบรก รวมถึงทำให้สามารถส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่คนอื่น เมื่อต้องเปลี่ยนช่องจราจรหรือเลี้ยวขณะลากจูงได้ ก่อนที่จะเลือกตะขอลากจูงหรือเทรลเลอร์ ควรจะเรียนรู้น้ำหนักที่รถของเราสามารถบรรทุกหรือลากจูงได้ก่อน และปรึกษาผู้ที่มีความเชียวชาญในการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อการใช้งานที่เหมาะสม

ข้อที่สอง คำนวณน้ำหนักก่อนบรรทุก

น้ำหนักสุทธิของรถ (Gross combined weight rating – GCWR) คือ น้ำหนักรวมทั้งหมดของรถยนต์ และเทรลเลอร์ ซึ่งรวมถึงน้ำมัน ผู้โดยสาร สัมภาระ อุปกรณ์ และอุปกรณ์ตกแต่ง โดยน้ำหนักรวมทั้งหมดไม่ควรเกินอัตราการรับน้ำหนักสุทธิของรถ ซึ่งสามารถดูได้จากคู่มือสำหรับรถยนต์ของเราเอง สำหรับการตรวจสอบว่าน้ำหนักของรถยนต์และเทรลเลอร์อยู่ในอัตราการรับน้ำหนักสุทธิของรถหรือไม่ ให้ปฏิบัติ ดังนี้

เริ่มต้นจากน้ำหนักรถเปล่า (Curb weight)บวกน้ำหนักของเทรลเลอร์ซึ่งบรรทุกสัมภาระและพร้อมสำหรับการเดินทางบวกน้ำหนักของผู้โดยสารทุกคนบนรถบวกน้ำหนักของสัมภาระทั้งหมดภายในรถยนต์บวกน้ำหนักของชุดลากจูง เช่น เหล็กต่อพ่วงรถ (Drawbar) ชุดลากหัวบอล (Ball mount)บาร์คู่สำหรับรับน้ำหนัก (Load equalizer bars) หรือบาร์ค้ำลากจูง (Sway bar)บวกน้ำหนักของอุปกรณ์ตกแต่งหรืออุปกรณ์ต่างๆ จากตลาดหลังการขาย (Aftermarket) ที่ติดตั้งเพิ่มเติมในรถยนต์

ข้อที่สาม ติดตั้งโซ่เซฟตี้เพื่อความปลอดภัย

ติดตั้งโซ่เซฟตี้ระหว่างรถยนต์ และเทรลเลอร์เสมอ โดยโซ่เซฟตี้จะต้องพาดผ่านใต้ตัวยึดของเทรลเลอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยึดตกลงมา เมื่อเทรลเลอร์หลุดออกจากตะขอลาก

ข้อที่สี่ กระจายน้ำหนักสัมภาระ

เมื่อบรรทุกสัมภาระในเทรลเลอร์ ควรให้น้ำหนัก 60 เปอร์เซ็นต์ของสัมภาระอยู่ค่อนไปทางด้านหน้าของเทรลเลอร์ และกระจายน้ำหนักด้านข้างให้เท่าๆ กัน การบรรทุกสัมภาระโดยให้น้ำหนักค่อนไปด้านหน้าหรือหลังมากเกินไป อาจทำให้เทรลเลอร์แกว่งได้ ไม่บรรทุกสัมภาระเกินน้ำหนักที่รถยนต์ของคุณสามารถรับไหว โดยสัมภาระดังกล่าวรวมถึงน้ำหนักของตัวยึด (Tongue Weight) ซึ่งคือ แรงกดจากตัวครอบหัวบอลบนหัวลากจูงของรถเทรลเลอร์ โดยปกติ จะหนักประมาณ 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักเทรลเลอร์ที่บรรทุกสัมภาระ สำหรับหัวลากจูงปกติ

ศึกษาวิธีการขับรถยนต์ที่มีการลากจูงเทรลเลอร์ให้ถูกต้อง

ข้อที่ห้า ศึกษาวิธีการขับรถยนต์ที่มีการลากจูงเทรลเลอร์ให้ถูกต้อง

เมื่อต้องถอยเทรลเลอร์ ให้วางมือข้างหนึ่งอยู่ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาของพวงมาลัย เมื่อต้องการเคลื่อนย้ายเทรลเลอร์ไปทางซ้ายให้หมุนพวงมาลัยไปด้านซ้าย และหากต้องการให้เทรลเลอร์ไปด้านขวาให้หมุนพวงมาลัยของคุณไปด้านขวา ถอยเทรลเลอร์ทีละนิดอย่างช้าๆ เพื่อรักษาการควบคุม นอกจากนี้ควรเผื่อระยะในการเบรกเมื่อรถกำลังลากจูงเทรลเลอร์อยู่ ระยะห่างที่ปลอดภัยคือ การเว้นช่องว่างขนาดเท่ารถยนต์ที่ลากจูงเทรลเลอร์ 1 คัน ระหว่างรถของเราเอง และรถคันข้างหน้า สำหรับความเร็วทุกๆ 10 ไมล์ต่อชั่วโมง

จณะลางจูงเทรลเลอร์ควรระมัดระวังการแกว่งของเทรลเลอร์ เพื่อความปลอดภัย

สำหรับข้อควรระวังในการลากจูงเทรลเลอร์ คือ พยายามหลีกเลี่ยงการแกว่งของเทรลเลอร์ เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม เมื่อเทรลเลอร์แกว่ง ให้พยายามบังคับพวงมาลัยให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พร้อมปล่อยคันเร่ง โดยไม่แตะเบรก และถ้ามีเบรกมือไฟฟ้า ให้ดึงเบรกมือไฟฟ้าของเทรลเลอร์ และอีกข้อที่ควรระวังก็คือ เวลาขับรถยนต์ขึ้นเขาหรือทางลาดชัน การใช้เกียร์ต่ำจะทำให้รถยนต์มีกำลังหรือแรงบิดมากขึ้น ควรขับรถยนต์ขึ้นเขาหรือทางลาดชันด้วยความเร็วที่ไม่มากไปกว่าความเร็วที่ใช้เพื่อขับลงเขา และเปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำเพื่อใช้แรงจากเครื่องยนต์ช่วยในการเบรก ขณะที่ขับลงจากเขาหรือทางลาดชัน

ในการขับรถที่มีการลากจูง เราต้องใช้สมาธิ และวิธีที่มากกว่าเดิม ถ้าหากเพื่อนคนไหนมีโอกาสลากจูงเทรลเลอร์ในการเดินทางแล้วละก็ ลองนำวิธีจากทาง Chevrolet ประเทศไทยที่แนะนำมานี้ไปใช้ประโยชน์ดูนะคะ ทาง Unseen Car หวังเป็นอย่างยิ่งเลยว่าข้อมูลข่าวสารนี้ จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของเพื่อนๆ ด้วยค่ะ

คราวหน้า ทาง UnseenCar ยังมี่ข้อมูลข่าวสารมาให้อัพเดทออีกเพียบ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ

ดูเพิ่มเติม