Mazda เตรียมอัปเกรดโรงงานผลิตที่ระยอง
Mazda มีแผนลงทุนสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์และเกียร์ในไทยมากขึ้นก่อนสิ้นทศวรรษนี้ เหลือแค่ปัญหาภาษีภายในไทยเท่านั้น
โรงงาน Mazda ที่จ.ระยอง cr. driveautoblog
Mazda วางแผนจะเปลี่ยนรถโดยสารและ SUV รุ่นต่อไปทุกคันให้เป็นรถไฮบริดภายในปี 2020 ทางบริษัทต้องการอัปเกรดโรงงานผลิตที่ระยองเพื่อผลิตรถออกมาได้มากขึ้นและเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนใหม่ๆ ต่อไป แต่ว่า นิยามของรถไฮบริดโดยรัฐบาลไทยยังคลุมเครือและควรปรับปรุงนิยามด้วย ว่ากันว่า รถยนต์กึ่งพลังไฟฟ้าต้องมีแบตเตอรีจุ 60 โวลท์อยู่ในระบบเพื่อให้ผ่านอัตรา 10% เมื่อถึงขีดระดับ 100 กรัม/กิโลเมตรของก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ ล่าสุด BOI กล่าวว่ารถที่ผลิตในไทยจะมีปริมาณก๊าซน้อยลงอีก 5%
Mazda ต้องการเริ่มเส้นทางผลิตรถพลังไฟฟ้าด้วยการผลิตรถไฮบริดเบาที่มีหน่วยพลังงาน 48 โวลท์ ซึ่งค่อยๆ เป็นที่ใช้กันในรถยี่ห้ออื่นๆ แต่ถ้าไม่ผ่านนิยาม รถอาจต้องใช้อัตรา 30% ของรถธรรมดา และ 14% สำหรับรถในกฎอีโคคาร์ 2 แม้ว่าระบบไฮบริดเบาของ Mazda อย่าง Skyactiv-X จะถูกใช้ครั้งแรกในรถ C-segment รุ่นที่ 3 ในปี 2019 รถรุ่นสำคัญในไทยจะเป็นรถรุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งซีดาน B-segment และรถแฮทช์แบ็คในปี 2020
อ่านเพิ่มเติม:
>>>‘Sky(In)active’ กลุ่มเจ้าของรถ Mazda2 ร้องเรียน สคบ. ปัญหาเครื่องสะดุดและระบบไฟฟ้า
>>>หวยออกที่ไหน! โตโยต้า มาสด้า เตรียมประกาศพื้นที่สร้างโรงงานร่วมภายในต้นปีหน้า
2017 Mazda2
นักวางแผนผลิตภัณฑ์ชี้ว่า Mazda2 (Demio) ซึ่งผลิตตามกฎโคคาร์ 2 ปล่อยไอเสียได้ไม่เกิน 100 กรัม/กิโลเมตร อาจมีราคาถูกลงในอนาคต ถ้าทางค่ายสามารถใช้อัตรา 5% ได้
ในช่วงเวลาระหว่างนี้ Mazda จะใช้ระบบไฮบริดเบาเป็น feature มาตรฐานหลักในทุกรุ่นยกเว้นรถกระบะ BT-50 ซึ่งใช้อัตราต่ำกว่า 3% ด้วยเครื่องยนต์ปกติไม่ใช้ไฟฟ้า จากการที่ BT-50 รุ่นใหม่ จะย้ายโรงงานไปผลิตที่โรงงานของ Isuzu ภายใต้ข้อตกลงใหม่ โรงงานผลิตรถยนต์ของ Mazda ในระยองจะมีพื้นที่ว่างมากขึ้น และผลิตรถโดยสารใหม่ได้พร้อมกับเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนใหม่ด้วย
