Shale Oil ทางเลือกหรือทางร่วง

ประสบการณ์ใช้รถ | 3 ส.ค 2561
แชร์ 1

ไม่ว่าน้ำมันจะไปขุดเจาะมาจากอะไร ขอให้ใส่เข้าไปในรถยนต์แล้วมันทำงานได้ เราก็แฮปปี้แล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่ายิ่งราคาถูกพวกเรายิ่งชอบ นับจากที่ราคาน้ำมันเคยทะลุ 100ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรลมาแล้วมันกลับร่วงลงมาครึ่งต่อครึ่ง เหตุผลหนึ่งมาจากสิ่งที่เรียกว่า Shale Oil

นับว่าเป็นเรื่องของโชคโดยแท้ที่ตำแหน่ง ทำเลของประเทศต่างๆบนโลกนี้จะบังเอิญไปตั้งอยู่บนขุมทรัพย์ที่สามารถเป็นทรัพยากรที่คนทั้งโลกระดับพันล้านคนต้องใช้งาน อย่างประเทศไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว หากมีสิ่งเหล่านี้ชีวิตก็ไม่อดตาย และยังเป็นครัวของโลกใบนี้ได้อีกด้วย ถึงกระนั้นก็ตามการจะตั้งเตาแก๊สจุดไฟทำครัวนั้น จำเป็นต้องใช้พลังงานเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ และบังเอิญอีกเช่นกันที่มีน้ำมีปลาแล้ว แต่น้ำมันหรือพลังงานเชื้อเพลิงของประเทศเราไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องนำเข้าจากประเทศที่ในน้ำไม่มีปลาในนาไม่มีข้าว แต่มีเรื่องราวของน้ำมันดิบผลิตหล่อเลี้ยงคนทั้งโลกได้

แผนที่ทางกายภาพของโลกที่เห็นแต่ภายนอก สีเขียวคือต้นไม้ สีเหลืองคือทะเลทราย สีน้ำเงินคือแหล่งน้ำ

แผนที่ทางกายภาพของโลกที่เห็นแต่ภายนอก สีเขียวคือต้นไม้ สีเหลืองคือทะเลทราย สีน้ำเงินคือแหล่งน้ำ

ดูเพิ่มเติม
>> 
ระยะเปลี่ยนของเหลวรถยนต์ อะไรเมื่อไรบ้างที่คุณต้องรู้?
>> มีไหมเมืองไร้รถยนต์

ประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบได้มากที่สุด 5อันดับแรกของโลกในปี 2017 ได้แก่ประเทศสหรัฐอเมริกา, ซาอุดิอาระเบีย, รัสเซีย, แคนนาดา และจีน แค่5ประเทศนี้ก็สามารถผลิตน้ำมันให้คนทั้งโลกได้ใช้ร่วมๆ 50ล้านบาร์เรลต่อวันแล้ว คิดเป็นเงินคร่าวๆก็ประมาณ 3,000ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เป็นเงินไทยก็ประมาณ 105,000ล้านบาท (ต่อวันนะครับ) แต่ใช่ว่ามีแต่น้ำมันแล้วจะทำได้ ต้องมีเทคโนโลยีและการจัดการที่ดีพอด้วย ประเทศจึงจะร่ำรวยได้ ประเทศที่ร่ำรวยจากน้ำมันดิบบางประเทศ ประชาชนในประเทศก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้เลยสักบาทเดียว เพราะรัฐมีเงินมากพอที่จะเลี้ยงดู นี่คือข้อดีข้อหนึ่ง

อุปกรณ์ขุดเจาะน้ำมันที่เราคุ้นหน้าคุ้นตา ภาษาอังกฤษเรียกว่า Oil Rig

อุปกรณ์ขุดเจาะน้ำมันที่เราคุ้นหน้าคุ้นตา ภาษาอังกฤษเรียกว่า Oil Rig

ย้อนกลับมาที่คนตัวเล็กๆอย่างเรา ไม่ว่าน้ำมันจะไปขุดเจาะมาจากอะไร ขอให้ใส่เข้าไปในรถยนต์แล้วมันทำงานได้ เราก็แฮปปี้แล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่ายิ่งราคาถูกพวกเรายิ่งชอบ นับจากที่ราคาน้ำมันเคยทะลุ 100ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรลมาแล้วมันกลับร่วงลงมาครึ่งต่อครึ่ง เหตุผลหนึ่งมาจากสิ่งที่เรียกว่า Shale Oil

Shale Oil คืออะไร

Shale Oil หรือหินน้ำมัน เป็นน้ำมันที่ถูกกักเก็บอยู่ในชั้นหินดินดานใต้เปลือกโลก บางครั้งก็เรียกว่า น้ำมันเคโรเจน (Kerogen Oil) เพราะมีสารเคโรเจนอยู่มาก สิ่งเหล่านี้เกิดจากการทับถมกันของซากพืชซากสัตว์และตะกอนต่างๆขนาดเล็กๆสะสมเป็นล้านปี บวกกับอุณหภูมิและความดันที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพและเวลาต่างๆกลายเป็นยางเหนียวๆ เมื่อนำ Shale Oil มาเผาที่อุณหภูมิสูงมากพอก็จะได้น้ำมันออกมา Shale Oilนี้มีต้นกำเนิดต่างจากแหล่งน้ำมันดิบที่เราเคยรู้จักกันมาก่อนที่เรียกกันว่า Conventional Oil หรือน้ำมันดิบเหลว พวก Conventional Oil ขุดแล้วเจอแหล่งน้ำมันก็คือเจอน้ำมันสามารถนำมากลั่นได้ทันที แต่ Shale Oil นั้นเนื่องจากมันกักเก็บอยู่ในชั้นหินการจะนำออกมาใช้ต้องมีเทคโนโลยีที่จะสกัดเอาน้ำมันดิบออกมา ทำให้โดยปกติแล้วจะมีต้นทุนในการผลิตสูงกว่า Conventional Oil

แผนภาพอย่างง่ายแสดงให้เห็นภาพการขุดเจาน้ำมันชั้นหินดินดาน

แผนภาพอย่างง่ายแสดงให้เห็นภาพการขุดเจาน้ำมันชั้นหินดินดาน

แต่แล้วการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ก็เกิดขึ้น ก็ในเมื่อน้ำมันที่เราต้องการฝังตัวอยู่ในชั้นหินดินดาน การจะนำมาใช้ก็ต้องกระเทาะทำให้หินแตกเพื่อนำน้ำมันออกมาก จึงมีคนคิดค้นเทคโนโลยีในการนำ Shale Oil ออกมาใช้ได้ด้วยต้นทุนที่ถูกลงกว่าแต่ก่อนและยังได้ Shale Oil ในปริมาณที่มาก เทคโนโลยีนั้นมีชื่อว่า Fracking เป็นการนำ2เทคโนโลยีมาผสมผสานกัน คือ Hydraulic Fracturing การทำให้แต่ตัวด้วยระบบของเหลว และ Horizontal Drilling การเจาะตามแนะนอน  ทั้ง2เทคโนโลยีนี้จะฉีดน้ำที่ผสมสารเคมีและทรายจำนวนมากลงไปยังชั้นหินดินดานเพื่อทำให้หินดินดานเกิดรอยร้าว พอหินเกิดรอยร้าว Shale Oilก็จะหลุดออกมา และเนื่องจากมีการเจาะในแนวราบ(Horizontal Drilling) ด้วยจึงทำให้กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างมากขึ้น

ใครเจาะ Shale Oil เก่งๆ

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศหนึ่งที่มีแหล่งShale Oilมากเป็นอันดับต้นๆของโลกและมีสภาพทางธรณีวิทยาที่เอื้อต่อการขุดเจาะอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นผู้คิดค้นวิธีการทำ Fracking อีกต่างหาก ทำให้ผลิตน้ำมันจากชิ้นหินดินดานได้มากและนั่นทำให้เขากลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันได้มากที่สุดในโลกต่อวัน (รวมแหล่งน้ำมันดิบเหลวปกติด้วย) อีกกลุ่มหนึ่งที่เก่งๆที่เรารู้จักและได้ยินชื่อกันมานานคือกลุ่มโอเปค เป็นการรวมกันของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน15ประเทศส่วนใหญ่อยู่ในตะวันออกกลางและแอฟริกา แต่พวกนี้ขุดเจาะน้ำมันดิบจากบ่อน้ำมัน Conventional Oil ที่มีต้นทุกการผลิตถูกกว่าการขุดเจาะจากชั้นหินดินดาน

ความแตกต่างด้านต้นทุน

เนื่องจากน้ำมันดินที่อยู่ในชั้นหินดินดานนั้นต้องสกัดออกมาจากหินด้วยเทคโนโลยีที่มีต้นทุนค่อนข้างสูง โดยเฉลี่ยต้นทุนของการขุดเจาะ Shale Oil อยู่ที่ประมาณ 60 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในขณะที่การชุดเจาะน้ำมันดิบเหลวแบบ Conventional Oil นั้นมีต้นทุนที่ประมาณ 20 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล และเพราะความแตกต่างนี้เองจึงส่งผลต่อราคาน้ำมันที่เราใช้ๆกัน กลุ่มโอเปคที่เคยถือครองสัดส่วนการค้าน้ำมันที่มากที่สุดวันดีคืนดีก็มีคนผลิตน้ำมันจากหินดินดานขึ้นมาได้มากแบบผิดหูผิดตา ทำให้เกิดการคานอำนาจกันในตลาดน้ำมัน จากความต้องการการใช้น้ำมันที่ลดลงและการผลิตน้ำมันจากShale Oilได้มากขึ้นในช่วง3ปีหลังมานี้ทำให้ราคาน้ำมันดิ่งลงมาอยู่ที่ราว50ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล กลุ่มโอเปคไม่ได้อยากให้ราคาน้ำมันสูงมากจึงไม่ลดกำลังการผลิตเพราะถ้าราคาน้ำมันต่ำกว่าทุนของการผลิตShale Oilพวกที่ขุดเจาะจากShale Oilก็จะอยู่ไม่ได้และล้มเลิกไปเองซึ่งก็มีบางที่ที่เป็นแบบนั้นไปแล้ว ถ้าราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงก็วินกันทุกฝ่ายแต่สัดส่วนทางการตลาดของน้ำมันก็จะถูกแบ่งไปยังนอกกลุ่มโอเปคด้วย อำนาจที่เคยมีสูงสุดของกลุ่มโอเปคก็จะน้อยลง เรียกได้ว่าไม่ว่าจะทำอะไรเพื่อให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงหรือต่ำก็ล้วนแต่ต้องมีกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญเป็นหลัก อนาคตความอยู่รอดของ Shale Oil จึงขึ้นกับราคาขายน้ำมันในตลาดโลกด้วย ถ้าขุดเจาะมาขายแล้วขาดทุนก็คงยากที่จะมีคนอยากทำ

กราฟราคาน้ำมันย้อนหลัง5ปี ตั้งแต่ราคาทะลุ 100 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล

กราฟราคาน้ำมันย้อนหลัง5ปี ตั้งแต่ราคาทะลุ 100 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ผลดีต่อผู้ใช้

ไม่ว่าน้ำมันจะผลิตจากแหล่งใด ความต้องการการใช้น้ำมันของมนุษย์ทุกคนบนดาวดวงนี้และความสามารถในการผลิตได้ก็ส่งผลต่อราคาน้ำมันตลาดโลก และจากราคาตลาดโลกก็ส่งผลมายังค่าขนส่งต่างๆตลอดจนสินค้าอุปโภคบริโภคในบ้านเราอีกด้วย สำหรับผู้บริโภคอย่างเราที่ใช้รถยนต์เป็นประจำก็อยากได้น้ำมันราคาถูก Shale Oilและเทคโนโลยี Fracking นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้ผู้บริโภคได้อุ่นใจ แต่ก็อยู่ที่ผู้ผลิตว่าจะทำให้มันอยู่รอดไปยังอนาคตข้างหน้าได้หรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วต่อให้น้ำมันจะแพงหรือถูกการใช้น้ำมันเชิ้อเพลิงอย่างคุ้มค่าก็ดีต่อตัวเรา สิ่งแวดล้อมและคนรุ่นหลังแน่นอน ผมเองก็อยากขอเชิญชวนให้ชาวChobrodมาร่วมกันใช้พลังงานให้คุ้มค่ากันนะครับ

ดูเพิ่มเติม
>>
 น้ำมัน E85 กับเหตุผลว่าทำไม ผู้ใช้ไม่นิยม
>> เติมน้ำมันผิดต้องทำอย่างไร !?

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่