"ทางออก” จาก “ทางด่วน” ทำไมคนจึงคิดว่า “ไม่สำคัญ”

ประสบการณ์ใช้รถ | 5 เม.ย 2562
แชร์ 0

มีขึ้นก็ต้องมีลง อันเป็นสัจธรรมที่แน่นอนที่สุดในทุกเรื่อง และกับ “ทางด่วน” หรือ “ทางพิเศษ” ก็เช่นกัน เมื่อขึ้นไปใช้บริการแล้ว ก็ต้องมีลงเพื่อมายังถนนปกติ แต่การลงนี้แหล่ะ มันก็มีข้อปฏิบัติเหมือนกัน

หลังจากที่วันก่อน Chobrod พาท่านผู้อ่านไปพบกับ "สัญญาณอันตรายบนทางด่วน" และข้อกำหนด "การห้ามจอดบนทางด่วน" กันไปแล้ว แน่นอนว่าเพียงเท่านั้นอาจจะยังไม่พอกับข้อปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงขณะที่เราๆ กำลังใช้ทางพิเศษเพื่อหลีกหนีปัญหาจราจร หรือเพื่อให้ถึงที่หมายได้รวดเร็วขึ้น และแน่นอนว่ามันย่อมมาพร้อมกับ "ความเร็ว" ที่แต่ละคันก็เหยียบคันเร่งกันสนั่นอยู่แล้วเมื่ออยู่บนทางด่วน หรือทางพิเศษ

แต่ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน และเชื่อว่าหลายคนคง "คิดไม่ถึง" หรือคิดว่า "ไม่จำเป็น" แต่คุณรู้หรือไม่ว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อบ่งชี้ถึงความประมาทที่นำไปสู่อุบัติเหตุอย่างมากที่เดียว และสิ่งที่กำลังจะบอกและพาผู้อ่านคอรถยนต์ไปสัมผัสกัน คือ "การออกจากทางด่วน" หรือการลงจากทางด่วนนั่นเอง

ทางออกจากทางด่วนเพื่อสู่ทางปกติ ไม่ระวังก็มีสิทธิ์จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ

ทางออกจากทางด่วนเพื่อสู่ทางปกติ ไม่ระวังก็มีสิทธิ์จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ 

หลายคนคิดว่าแค่ "การออกจากทางด่วน" มันต้องพิเศษหรือมีวิธีปฏิบัติอะไรให้ต้องมาคุ้นชินด้วยหรือ คำตอบคือมีแน่นอน และที่สำคัญคือมันสัมพันธ์กับความปลอดภัยขณะขับขี่อีกด้วย

เพราะการลงทางด่วน หากคิดว่าไม่สำคัญ หรือกระชั้นชิดกับการเปลี่ยนเลนบนทางด่วนเพื่อออกจากทางพิเศษทันที มันจะส่งผลให้ไม่สามารถใช้สัญญาณไฟเพื่อแจ้งผู้ขับรถยนต์คันข้างหลัง หรือให้สัญญาณได้อย่างเหมาะสม ก็แน่นอนว่าจะมีอุบัติเหตุตามมาได้ง่ายๆ ดังนั้น ข้อปฏิบัติทั้งการสังเกตป้ายบอกทาง การกะระยะ กะความเร็ว เพื่อให้ปฏิบัติตามอย่างไม่รีบร้อน จึงเป็นเรื่องจำเป็นในการออกจากทางด่วนด้วยเช่นกัน

ดูเพิ่มเติม
>> 
ไปดูทางด่วนอัจฉริยะแดนผู้ดี
>> รวมถนนอันตรายสุดเฮี้ยนทั่วประเทศไทย

การที่ถนนทางด่วนโล่งๆ และทำความเร็วได้ต่อเนื่อง แต่เมื่อถึงจุดออกก็จำต้องลดความเร็วลงทันที

การที่ถนนทางด่วนโล่งๆ และทำความเร็วได้ต่อเนื่อง แต่เมื่อถึงจุดออกก็จำต้องลดความเร็วลงทันที

ทั้งนี้ ก่อนที่เราจะออกจากทางด่วนหรือทางพิเศษ เพื่อลงไปยังถนนปกตินั้น เรามักจะพบเครื่องหมายจราจรขนาดใหญ่บอกทิศทาง เพื่อให้คนขับรถยนต์บนทางด่วนได้สามารถใช้ช่องทางจราจรได้อย่างถูกต้อง ไม่ผิดพลาด และป้ายบอกทางขนาดใหญ่จะถูกติดตั้งและตั้งวางในตำแหน่งที่เหมาะสมก่อนถึงทางออกจากทางด่วนเสมอ เพื่อให้คนขับได้มีเวลาเตรียมตัวอย่างเพียงพอ

ส่วนการออกจากทางด่วนนั้น วิธีการง่ายๆ ที่ต้องจำไว้ใช้และถือเป็นข้อปฏิบัติกันเลย คือ คนขับต้องมองกระจก ให้สัญญาณล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ ก่อนจึงเปลี่ยนช่องจราจร เข้าสู่ช่องซ้ายสุด การเปลี่ยนควรค่อยทำค่อยไปไม่ต้องรีบร้อน อย่าตัดออกไปอย่างกะทันหัน

แต่ถ้าลงจากทางด่วนแล้วเจอแบบนี้ ก็อันตรายไม่น้อยทีเดียว

แต่ถ้าลงจากทางด่วนแล้วเจอแบบนี้ ก็อันตรายไม่น้อยทีเดียว 

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อห้ามที่ไม่พึงปฏิบัติอยู่เช่นกันกับการออกจากทางด่วน โดยเฉพาะการเบียดกับรถยนต์คันอื่นที่ต่อแถวเพื่อลงจากทางด่วน ซึ่งเราจะเห็นบ่อยครั้งที่คนขับรถยนต์เกิดอาการเร่งรีบ และใช้ "ไหล่ทาง" เป็นช่องทางจราจร เพราะมันทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมา

อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีช่องจราจรบริเวณใกล้ทางออกทางด่วนมีหลายช่อง ก็สามารถขยับไปยังช่องอื่นๆ ได้เช่นกัน แต่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่างมาก และที่สำคัญคือการเปลี่ยนช่องจราจรขณะออกจากทางด่วนนั้น ควรจะเปลี่ยนทีละช่อง อย่าข้ามช่องมากกว่าหนึ่งช่องอย่างเด็ดขาด เพราะจะเกิดอันตรายได้ง่ายทั้งต่อเจ้าของรถที่ขับเอง หรือรถยนต์คันอื่นที่ตามหลังมา

ที่สำคัญ จะต้องชะลอความเร็วลงเพื่อรับกับการเดินทางในถนนปกติ ทั้งนี้ สำหรับอัตราความเร็วเมื่อออกจากทางด่วนหรือทางพิเศษนั้น ก็ไม่ควรจะเพิ่มความเร็วเหมือนกับขณะที่ขับบนทางด่วนอย่างเด็ดขาด เพราะต้องไม่ลืมว่าทางออกจากทางด่วนนั้นเป็นถนนที่เล็ก และมีรถที่ต้องชะลอความเร็วเพื่อเตรียมรับกับถนนปกติ การขับด้วยความเร็วมากเกินไปหรือค้างมาจากบนทางด่วน ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ เช่นกัน

แน่นอนว่าทุกการขับขี่จะต้อง

แน่นอนว่าทุกการขับขี่จะต้อง "ไม่ประมาทอย่างเด็ดขาด" 

อีกหนึ่งข้อคิดดีๆ สำหรับคนกรุงเทพมหานคร ที่ต้องเผชิญกับปัญหารถติด และแน่นอนว่าต้องเลือกใช้ทางด่วนหรือทางพิเศษต่างๆ เป็นทางออกในการเดินทาง อย่างไรก็ดี การขับขี่ทุกครั้งบนท้องถนนจะไม่เกิดอุบัติเหตุได้เลยหากคนขับรถยนต์ทุกคันขับด้วยความมีสติ ไม่ได้ประมาท หรือเลินเล่อจนทำให้สุ่มเสี่ยงจะมีความอันตรายตามมา

ท้ายสุดอยากฝากไว้ว่าการขับรถบนถนน ไม่ว่าจะเป็นทางด่วน หรือทางปกติก็ตาม การเคารพกฎหมายจราจรก็เป็นอีกเรื่องที่จำเป็นและสำคัญ รวมถึงการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับผู้ร่วมใช้ถนนด้วยกัน ทั้งนี้ ก็เพื่อให้การเดินทางราบรื่น และถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและสวัสดิภาพ

ดูเพิ่มเติม
>> “ทางด่วน” ไม่จำเป็น “อย่าจอด” ข้อปฏฺิบัติสำคัญเมื่อจำต้องหนีรถติด
>> ตำรวจเห็นชอบ เพิ่มความเร็วมอเตอร์เวย์ 110 กม./ชม.!!!

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่ 
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้

กอล์ฟ กันติพิชญ์