สายซิ่งต้องรู้ !! ศัพท์ กฏ กติกา ที่ใช้ในการแข่งรถ รวบรวมไว้แล้วที่นี่

สายซิ่งต้องรู้ !! ศัพท์ กฏ กติกา ที่ใช้ในการแข่งรถ 

สายซิ่งต้องรู้ !! ศัพท์ กฏ กติกา ที่ใช้ในการแข่งรถ รวบรวมไว้แล้วที่นี่

สายซิ่ง สายซี้ โบกมือมาทางนี้เลยครับ บางคนเพิ่งจะเริ่มหัดซิ่งกันใหม่ๆ คงยังไม่รู้กันล่ะสินะว่ากฏเกณฑ์และคำศัพท์ในการแข่งรถว่ามีอะไรบ้าง วันนี้ Chobrod.com รวบรวมวมาไว้ให้แล้วที่นี่ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปทำความรู้จักกับกฏกติกาและคำศัพท์เหล่านี้กันเลยครับ

เริ่มจากคำที่เราคุ้นหูกันบ่อยๆ เลยนะฮะกับคำนี้ Race queen เรซควีน ( レースクイーン)

เป็นศัพท์ที่มาจากชาวญี่ปุ่นที่กล่าวถึงพริตตี้ที่เป็นลูกทีมของรถ เช่น สมมติว่าทีมแข่งฟอร์มูลาวันก็จะมีคำนิยามที่ใช้เรียกเทียบเท่ากันก็คือ “Pit Babe” ซึ่งเรซควีนจะมาปรากฏตัวตอนอยู่กับทีมแข่งที่ตนทำหน้าที่อยู่นั่นเองครับ แต่บางการแข่งขันก็อาจจะมีการอนุโลมให้มีเรซควีนยืนอยู่ข้างๆ รถแข่งของทีมได้ในช่วงการเริ่มแข่งขัน บางครั้งเรซควีนอาจจะทำการจัดแสดงแข่ง เช่น ในมอเตอร์โชว์ด้วยครับ

ดูเพิ่มเติม 
>> ชมบรรยากาศและผลการแข่งขันงาน Idemitsu Super Turbo Thailand 2018 สนาม 3-4
>> เมื่ออยากเป็นนักแข่งรถ...นอกจาก “เงิน” กับ “รถ” แล้วต้องเตรียมอะไรอีกบ้าง ?!

เรซควีน คนสวยในสนามแข่งรถ

ประวัติของ Race queen เรซควีน ( レースクイーン)

เรซควีนเริ่มปรากฏตัวและมีบทบาทครั้งแรกในรูปแบบของพริตตี้ประจำรายการแข่งขันรถยนต์ช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 โดยนางแบบ ริสะ โอกาวะ (小川ローザ) ได้รับเชิญไปเป็นตัวแทนของผู้ชนะในการแข่งขันและหลังจากนั้นก็ได้ใช้ชื่อว่า “เรซควีน” เพื่อเป็นเกียรติแก่ทีมผู้ชนะในการแข่งขัน ส่วนใหญ่แล้วเรซควีนในทีมนั้นมักเป็นภรรยาหรือแฟนสาวของนักแข่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เว้นแต่ผู้หญิงบางคนที่เป็นนักแข่ง

สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

คำศัพท์ที่ใช้ในการแข่งรถ

Track แทรค : เส้นทางทิ่งในสนาม โดยมีทางเข้าแทรคและทางออกแทรค

Pit พิท : เซอร์วิสที่ทีมแข่งรถใช้กัน เช่น บริการตรวจ ซ่อมรถ เป็นต้น

Pit lane พิทเลน : เส้นทางที่อยู่ระหว่างพิทกับแทรค เป็นทางตรงที่สามารถไปยังทางออกพิทหรือทางเข้าแทรคนั่นเอง โดยเส้นทางนี้จะมีการบังคับความเร็วแต่สนามและการแข่งรถนั้นจะเป็นทาง one way เสมอ

Paddock แพดดอค : เซอร์วิสทางด้านล่าง เป็นเส้นทางวิ่งรอบๆแพดดอค และเป็นทาง one way เช่นกัน โดยกำหนดความเร็วเอาไว้ที่ 20km/h

ต่อมาการสื่อสารในสนาม แน่นอนว่าเมื่อลงสนามแข่งรถแล้ว เสียงท่อเอยอะไรเอย มันดังกระหึ่มแน่นอนฮะ ดังนั้นเราจึงมีการใช้ “ธง” ในการสื่อสารกันระหว่างนักแข่ง Maeshall ของสนาม เอาเป็นว่าเรามาเรียนรู้สัญญาณธงง่ายๆ ในสนามกันดีกว่าครับ ซึ่งในการแข่งขันจะมี Marshall อยู่ตามจุดต่างๆ ในสนามเพื่อโบกธงให้นักแข่งได้รู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะว่าคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าหนทางข้างหน้านั้นมีอะไรรออยู่

สัญลักษณ์ธงในสนาม

ธงเขียว : เหตุการณ์ปกติ ซิ่งได้สุดแรงเกิด

ธงเหลือง : ธงแจ้งเตือนให้นักแข่งลดความเร็วลง ข้างหน้าอาจจะมีอุบัติเหตุกีดขวางอยู่หรืออาจจะมีเศษอุปกรณ์หล่นอยู่บนพื้นแทรค ในกรณีนี้หากนักแข่งแซงจะโดนปรับเวลาทันที ธงเหลือประจำจุด คือ โบกให้นักแข่งระวังและห้ามแซงในจุดนั้นหลังจากนั้นพอสถานการณ์เป็นปกติต่อไปก็โบกธงเขียวไปกันต่อได้เลย เจ้าธงเหลืองของเรานี้ มีแบบยกเฉยๆ กับยกแบบโบกสะบัด 1 ธง 2 ธง ยกแบบรัวๆ เร็วๆ ก็ตามความอันตรายของเหตุการณ์นั้นๆ นะฮะ อย่างเช่น โบกธง 2 ธงพร้อมกันแล้วโบกแบบยิกๆ เลยนี่ ข้างอาจจะมีเพื่อนนอนกองกันอยู่ที่กองยางแล้วก็ได้ ให้ระวังอย่างหนัก

ธงแดง : ยุติการวิ่ง ให้นำรถกลับเข้า พิท หรือ บางเรซอาจนำกลับเข้าไปที่ grid start ใหม่ เนื่องจากมีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น หรือ อาจจะมีรถแข่งที่กีดขวางเส้นทาง ทำให้เกิดอันตราย ให้นักแข่งลดความเร็วลงทันทีทั้งสนามและนำรถเข้าจอดในพิททันทีเพื่อปิดเส้นทางให้รถพยาบาลเข้าไปได้นั่นเองครับ

ส้มสลับเหลือง : ให้ระวังว่าจุดนั้นมีทางลื่น อาจจะมีน้ำมันติดอยู่บนผิวแทรคหรือฝนตกแล้วถนนลื่นมาก มีดินทรายอยู่บนผิวแทรค เป็นต้น

ธงฟ้า : โบกให้รถช้าและชะลอตัวลง เพราะมีรถข้างหลังตามมา ให้เปิดเส้นทางให้แซงได้โดยต้องรักษาระยะทางวิ่งเอาไว้ หากรถเร็วกว่าอีกคันก็จะหาทางแซงไปเอง

ธงขาว : โบกรถให้เร็วขึ้น ให้รู้ว่ามีรถช้าอยู่ข้างหน้า อย่าไปตุ๋ย

ธงดำ/ตรงกลางส้ม ยกพร้อมเบอร์ : แจ้งเตือนนักแข่งว่ามีอุปกรณ์ชำรุด เช่น ท่อหลุดลากพื้น กันชนห้อย

ธงดำ ธงดำ/ขาว/พร้อมเบอร์ : แจ้งเตือนนักแข่งเรื่องมารยาท ถ้าทำอีกครั้งจะโดนธง

ธงดำ/พร้อมเบอร์ : ให้ออกจากการแข่งขัน

ธงหมากรุก : จบการแข่งขันหรือว่าหมดเวลาซ้อม ให้นำรถออกจากสนามครับ

อาจจะเป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ สอดแทรกไปบ้างถือว่าเป็นความรู้เพิ่มเติมก็แล้วกันนะครับ สำหรับวันนี้ chobrod ขอลาไปก่อน พบกันใหม่กับคอนเทนต์หน้า สวัสดีครับ 

ดูเพิ่มเติม 
>> 5 สุดยอดสนามแข่งรถระดับโลก
>> ฟังจากปากช่าง .. “น้ำมันเครื่องต่างแบรนด์”ใช้ด้วยกันได้หรือไม่ ?