รวมคอมเมนท์ข้อดี – ข้อเสียของ Nissan GT-R 2019

ประสบการณ์ใช้รถ | 21 ม.ค 2562
แชร์ 1

ตำนานซุปเปอร์คาร์จากประเทศญี่ปุ่นที่เทียบชั้นได้กับ Ferrari, Lamborghini, Porsche แม้จะเปิดตัวในช่วงปี 2007 แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าซุปเปอร์คาร์จากยุโรปเลยทีเดียว แล้วสำหรับข้อดี – ข้อเสียของ Nissan GT- รุ่นใหม่ 2019 มีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ

 

Nissan GT R armed with a fresh new look, more power

Nissan GT-R 2018 มาพร้อมกับดีไซน์ที่ตอบโจทย์ในเรื่องของความเร็ว และแรงมากยิ่งขึ้น

Nissan GT-R 2018 มาพร้อมกับดีไซน์ที่ตอบโจทย์ในเรื่องของความเร็ว และแรงมากยิ่งขึ้น

Nissan GT-R หรือชื่อในทางเทคนิค R35 เป็นรถยนต์นั่งสมรรถนะสูง เครื่องยนต์ลำหน้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) 2 ประตู 2+2 ที่นั่ง ผลิตโดยบริษัทนิสสันจากประเทศญี่ปุ่น จีที-อาร์ เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 6 ธันวาคม ปี ค.ศ. 2007 ที่ประเทศญี่ปุ่น และที่สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 1 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 2008 ส่วนประเทศอื่นๆ ในเดือน มีนาคม ปี ค.ศ. 2009 ได้รับการออกแบบโดย ชิโร นากามูระ (Shiro Nakamura)

*** ดูเพิ่มเติมราคา Nissan GT-R มือสองที่มีขายในประเทศไทย

Nissan ได้เริ่มผลิตรถยนต์สมรรถนะสูงที่ต่อยอดมาจาก Nissan Skyline Coupe และได้ใช้ชื่อว่า Nissan Skyline GT-R ที่พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นสัญลักษณ์ของ “Nissan” และประสบผลสำเร็จทางด้านชื่อเสียง รวมถึงได้รับรางวัลมากมายไม่ว่าจะอยู่บนถนนหรืออยู่ในสนามแข่ง Nissan GT-R จึงพัฒนาตัวเองแยกออกจากพื้นฐานของ Nissan Skyline อีกต่อไป แต่ได้การวิวัฒนาการมาจาก Nissan Skyline GT-R สำหรับ Nissan Skyline นั้น เปลี่ยนมาเป็นรถบ้าน และได้ขายในชื่อ Infiniti G35 แทน

Nissan GT-R ถือเป็นรุ่นเรือธงของ Nissan เลยทีเดียว

Nissan GT-R ถือเป็นรุ่นเรือธงของ Nissan เลยทีเดียว

Nissan GT-R ได้รับการออกแบบรูปแบบตัวรถให้คล้ายกับรุ่น Nissan Skyline GT-R คือขับเคลื่อนสี่ล้อ เครื่องยนต์เทอร์โบคู่ 6 สูบและมีไฟท้ายเป็นวงกลมสี่วง ส่วนระบบเลี้ยวทั้งสี่ล้อ HICAS ของ Nissan Skyline GT-R ได้ถูกถอดออกไป และเครื่องยนต์เก่าของ Nissan Skyline GT-R RB26DETT ก็ได้ถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ VR38DETT ไม่เพียงแต่ภาพลักษณ์ของตัวถังที่คล้ายกันเท่านั้น แต่รหัสตัวถึงก็คล้ายกันกับ Nissan Skyline ด้วยคือ CBA-R35 หรือเรียกสั้นๆ ว่า 'R35' (CBA เป็นคำนำหน้าสำหรับมาตรฐานการปล่อยมลพิษ)

สำหรับ Nissan GT-R รุ่นใหม่ที่มีจำหน่ายมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น Nissan GT-R Nismo, Nissan GT-R Pure แต่มีเพียงแค่ Nissan GT-R Premium Edition 2018 รุ่นเดียวเท่านั้นที่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยด้วยราคา 13.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนึ่งในรถโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลก มาพร้อมกับตัวถังแบบแกรนด์ทัวริ่ง 2+2 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ วี6 ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ประกอบด้วยมือ ให้พละกำลังสูงสุด 555 แรงม้า ผ่านระบบเกียร์ซีเควนเชียลดูอัลคลัตช์ 6 สปีดที่ สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ภายในเวลาชั่วพริบตา เพียง 0.15 วินาทีเมื่ออยู่ในโหมด R-Mode ถ่ายกำลังลงพื้นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

การออกแบบของ Nissan GT-R ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาพร้อมกับรูปลักษณ์หนุ่มหล่อในสนามแข่งรถ

การออกแบบของ Nissan GT-R ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาพร้อมกับรูปลักษณ์หนุ่มหล่อในสนามแข่งรถ

การออกแบบของ Nissan GT-R ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาพร้อมกับรูปลักษณ์หนุ่มหล่อในสนามแข่งรถ

สไตล์การออกแบบที่ปราดเปรียวของ GT-R ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของความสวยงาม และการใช้งาน กระจังหน้าเป็นแบบ V-motion หนึ่งในเอกลักษณ์การออกแบบล่าสุดของ Nissan ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มการทำความเย็นให้กับเครื่องยนต์ โดดเด่นด้วยวัสดุโครเมียมแบบด้าน และแพทเทิร์นโครงร่างตาข่าย ฝากระโปรงมีเส้นนำสายตาจากกระจังหน้าได้อย่างไร้ที่ติถูกเสริมความแข็งแกร่งเพื่อเพิ่มเสถียรภาพขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง สปอยเลอร์ชิ้นล่างด้านหน้าทรงโค้งถูกขยายให้กว้างขึ้นเล็กน้อยและมีตำแหน่งต่ำลงไม่กี่มิลลิเมตรเพื่อเพิ่มการไหลเวียนอากาศบริเวณมุมล่างของตัวรถ เสาหลังคาท้ายถูกปรับดีไซน์ใหม่ที่ส่วนบนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการการไหลเวียนอากาศให้ดียิ่งขึ้น ด้านหลังของ GT-R ยังคงเอกลักษณ์ระดับตำนานด้วยไฟท้ายทรงกลม แผงดิฟฟิวเซอร์สีเงินและช่องรีดอากาศด้านข้างถูกติดตั้งเคียงข้างกับปลายท่อไอเสียไทเทเนียม 4 ชุดซึ่งช่วยเพิ่มความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ

ภายในห้องโดยสารของ Nissan GT-R 2018

ภายในห้องโดยสารของ Nissan GT-R 2018

ภายในห้องโดยสารของ Nissan GT-R 2018

ห้องโดยสารถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันมอบความสะดวกสบาย ความหรูหราและการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างลงตัว แผงควบคุมกลางถูกปรับปรุงใหม่ และมีความเรียบง่ายยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยจำนวนสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียง และระบบนำทางลดลงจาก 27 ชิ้นเหลือเพียง 11 ชิ้น หน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้วมีข้อมูลทุกด้านที่ผู้ขับขี่ต้องการในที่เดียวโดยแสดงผลด้วยไอคอนขนาดใหญ่บนหน้าจอเพื่อเพิ่มความง่ายดายให้ผู้ใช้สามารถควบคุมระบบเครื่องเสียง การใช้โทรศัพท์ และฟังค์ชั่นอื่นๆ ในระบบอินโฟเทนเมนท์ ให้มาพร้อมกับแผงแดชบอร์ดดีไซน์ใหม่พร้อมแผงมาตรวัดหุ้มหนังตัดเย็บด้วยมือ แผงควบคุม Display Command ใหม่บนคอนโซลกลางแบบคาร์บอนไฟเบอร์ และพวงมาลัยรุ่นใหม่พร้อมแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ที่ใช้งานได้สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น

ขุมพลัง Nissan GT-R 2018 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 สูบ ทวินเทอร์โบ 24 วาล์ว ความจุ 3.8 ลิตร

ขุมพลัง Nissan GT-R 2018 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 สูบ ทวินเทอร์โบ 24 วาล์ว ความจุ 3.8 ลิตร

ในส่วนของขุมพลัง Nissan GT-R Premium Edition 2018 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 สูบ ทวินเทอร์โบ 24 วาล์ว ความจุ 3.8 ลิตรที่ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพของ GT-R 2018 ซึ่งผลิตในเมืองโยโกฮามาโดยฝีมือของทาคูมิ หรือ ช่างเทคนิคระดับมาสเตอร์ของ Nissan มีพละกำลัง 555 แรงม้าที่ 6,800 รอบต่อนาที แรงบิด 632 นิวตันเมตร ท่อไอเสียไทเทเนียมชุดใหม่ของจีที-อาร์ที่มาพร้อมระบบวาล์วแบบเปิดมอบเสียงคำรามที่เร้าใจและดุดันยิ่งขึ้น ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบซีเควนเชียล ดูอัลคลัตช์ 6 สปีด ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อการทำงานที่ไหลลื่นนุ่มนวลมากขึ้นและสมรรถนะที่ดีกว่าเดิมในสถานการณ์ขับขี่หลากหลายรูปแบบ

แผงมาตรวัดแสดงข้อมูล พร้อมพวงมาลัยรุ่นใหม่พร้อมแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ที่ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น

แผงมาตรวัดแสดงข้อมูล พร้อมพวงมาลัยรุ่นใหม่พร้อมแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ที่ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น

เสริมสมรรถนะด้วยโช๊คอัพบิลสไตน์ แดมพ์โทรนิก ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับตั้งได้ 3 โหมดคือ Normal, Comfort และระบบกันสะเทือนที่ตอบสนองระดับสูงสุดคือ R นอกจากนี้ยังมาพร้อมยางรันแฟลต ของดันลอป รุ่นเอสพี สปอร์ต แม็กซ์ จีที600 ดีเอสเอสที ซีทีที (Dunlop SP Sport Maxx GT 600 DSST CTT) สมรรถนะสูงระดับอัลตร้าที่รองรับแรงดันลมไนโตรเจนและออกแบบมาเพื่อการทำงานของช่วงล่างโดยเฉพาะ โดยมีขนาดยางมาตรฐานด้านหน้า 255/40ZRF20 และด้านหลัง 285/35ZRF20

เพิ่มความมั่นใจให้กับการขับขี่ด้วยระบบเบรกเป็นของเบรมโบ  โมโนบล็อก แบบคาลิปเปอร์ 6 สูบที่ด้านหน้าและ 4 สูบที่ด้านหลัง พร้อมจานดิสก์เบรกของเบรมโบลอยตัวสองชิ้นแบบเจาะรูและเซาะร่องกลางจานขนาด 390 มม. ที่ล้อหน้าและ 380 มม. ที่ล้อหลัง ทำงานคู่กับผ้าเบรกที่มีสมรรถนะและความทนทานสูงที่ช่วยลดอาการเบรกเฟดและมีประสิทธิภาพการหยุดรถอย่างมั่นใจ

ข้อดีของ Nissan GT-R คือความเร็วแรงเทียบชั้นกับ Lamborghini และ Ferrari ได้สบาย

ข้อดีของ Nissan GT-R คือความเร็วแรงเทียบชั้นกับ Lamborghini และ Ferrari ได้สบาย

สำหรับรถโปรดักชั่นคาร์คันนี้จะมีข้อดี และข้อเสียอย่างไร คุ้มค่ากับราคา 13.5 ล้านบาทหรือไม่

ข้อดีของ Nissan GT-R 2018 ที่ทำให้เป็นรถซุปเปอร์คาร์ที่เทียบชั้นได้กับ Ferrari และ Lamborghini ได้แก่

1. Nissan GT-R มีความเร็ว และแรงของเครื่องยนต์ที่มาก เหมาะสำหรับคนที่รักความเร็ว และรูปลักษณ์ของรถที่เท่ในดีไซน์สปอร์ต

2. อัตราเร่ง 0-100 ทำได้ในเวลา 2.7 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 318 กม./ชม. ซึ่งถือว่าน้อยมากในการออกตัว

3. รูปลักษณ์ของ Nissan GT-R Premium Edition 2018 ออกแบบมาเพื่อเสริมหลักการแอโรไดนามิกที่ทำให้เกิดความลู่ลมมาก ช่วยในรถปราดเปรียว เร็ว และแรงมากขึ้น

4. ใช้ระบบโช้คอัพไฟฟ้า DampTronic (Damper + Electronic) สามารถปรับเปลี่ยนความแข็งได้ตามสภาพของการขับขี่ มี 3 โหมด ได้แก่ “Race” ระดับความแข็งของโช้คที่มากที่สุด สำหรับขับเร็วแบบเต็มที่, “Sport” (Normal) ระดับความแข็งของโช้คแบบปานกลาง สำหรับการขับแบบสปอร์ตพอสนุก และ “Comfort” เน้นขับใช้งานทั่วไป นุ่มนวล สำหรับสองระบบหลังจะถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ ที่ประมวลผลจากเซ็นเซอร์ถึง 11 จุด เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาความแข็งของโช้คที่รถซุปเปอร์คาร์ส่วนใหญ่ประสบกัน

5. หน้าจอแสดงผลการทำงานของเครื่องยนต์ สมรรถนะ และเพอร์ฟอร์แมนซ์ในขณะที่กำลังขับขี่

6. โดยภาพรวมแล้วอะไหล่หาได้ง่ายกว่ารรถซุปเปอร์คาร์จากยุโรป

ข้อเสียอยู่ในรูปแบบของการดีไซน์ที่เหมาะกับผู้ชายมากกว่า

ข้อเสียอยู่ในรูปแบบของการดีไซน์ที่เหมาะกับผู้ชายมากกว่า

มีข้อดีแล้ว ก็ต้องมีข้อเสียของ Nissan GT-R Premium Edition 2018 เช่นกัน

1. แม้ว่าในเรื่องของความแรง Nissan GT-R จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับซุปเปอร์คาร์ยุโรปหลายๆ รุ่น แต่หากจะพูดถึงในเรื่องของดีไซน์ก็ถือว่ายังค่อนข้างห่างชั้นกับซุปเปอร์คาร์ยุโรป โดยเฉพาะในเรื่องของเส้นสาย รายละเอียดในเรื่องของมิติตัวรถ ซึ่งรุ่นนี้แม้จะพัฒนามาจากเดิมมากแล้ว แต่ก็ต้องพัฒนาในเรื่องของดีไซน์กันต่อไป

2. Nissan GT-R สเปคไทยความแรงน้อยกว่ากว่าสเปคอเมริกา เนื่องจากต้องมีการจจูนเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับน้ำมันของแต่ละประเทศ ซึ่งประเทศไทยใช้น้ำมันออกเทน 95 แต่ในต่างประเทศจะใช้น้ำมันออกเทน 98 ทำให้แรงม้าของเครื่องยนต์ในไทยอยู่ที่ 555 แรงม้า แต่ต่างประเทศอยู่ที่ 570 แรงม้า

3. ค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสูง

4. ภาพลักษณ์ของ Nissan GT-R ที่ออกแบบมาให้ดูหล่อในสนามแข่งอาจจะไม่ค่อยถูกจริตเท่าไหร่นักหากคุณชอบที่ขับรถซุปเปอร์คาร์ที่มีความโฉบเฉี่ยวดูสวย ปราดเปรียวบนถนนในกรุงเทพ

5. Nissan GT-R มาพร้อมกับการขับขี่ที่เน้นความเร็ว และแรง มากกว่าจะโชว์ลีลา หรือลวดลายการขับขี่ในสนาม

ไฟท้ายทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ของ Nissan GT-R

ไฟท้ายทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ของ Nissan GT-R 

สำหรับบทความนี้ที่ได้รวบรวมข้อดี และข้อเสีย รวมถึงเรื่องราวของ Nissan GT-R Premium Edition 2018 ที่จำหน่ายในประเทศไทยด้วยราคา 13.5 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงแต่ Nissan GT-R จะเป็นเรือธงของ Nissan แล้ว ยังเป็นซุปเปอร์คาร์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศญี่ปุ่น สามารถต่อกรกับ Ferrari และ Lamborghini ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ Nissan GT-R จึงไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นความภูมิใจของคนญี่ปุ่นทั้งประเทศเลยทีเดียว สำหรับบทความเรื่องรถยนต์สามารถติดตามได้ที่ Chobrod.com นะคะ

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้

แท็ก Supercar