ต่อประกันภัยรถยนต์อย่างไรให้คุ้ม? มาดูกัน!

ประสบการณ์ใช้รถ | 22 ก.พ 2562
แชร์ 0

สวัสดีค่ะ วันนี้ทาง Chobrod มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับประกันรถยนต์มาฝากเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาการต่อประกันรถยนต์อย่างไรให้คุ้ม มาอัพเดทให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันค่ะ โดยต้องยอมรับเลยว่าประกันรถยนต์ในบ้านเรานั้นมีออกมาให้เลือกหลากหลายอย่างมาก อาจทำให้เราเลือกไม่ถูก หรือไม่รู้ว่าตัวไหนที่จะให้ความคุ้มครองคุ้มค่าที่สุดกับเรา วันนี้ทาง Chobrod จึงได้หาข้อมูลเกี่ยวกับการต่อประกันรถยนต์อย่างไรให้คุ้ม มาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันค่ะ

ต่อประกันภัยรถยนต์อย่างไรให้คุ้ม? มาดูกัน!

ประกันรถยนต์ คือ ประกันชนิดหนึ่งที่ผู้เอาประกันทำไว้เพื่อคุ้มครองรถยนต์ ทรัพย์สินและบุคคลในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ซึ่งการคุ้มครองจะแตกต่างกันออกไปตามแผนประกันรถยนต์ค่ะ ซึ่งประกันภัยรถยนต์จะมีความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไปตามแผนประกันรถยนต์ที่มีระบุตามแต่ละชนิด ในฐานะผู้ที่ทำประกันจึงต้องดูให้ดีว่าแผนประกันภัยรถยนต์นั้นๆ จะคุ้มครองรถยนต์ผู้เอาประกัน และคู่กรณีหรือไม่ รวมไปถึงจะคุ้มครองบุคคลที่สาม และทรัพย์สินของบุคคลที่สามหรือไม่ รวมไปถึงแผนประกันนั้นจะคุ้มครองเหตุน้ำท่วม ไฟไหม้ ขโมยรถหรือไม่ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเปรียบเทียบได้เองเลยค่ะว่า เพื่อนๆ อยากได้ประกันรถยนต์ที่มีความคุ้มครองมากน้อยแค่ไหน แล้วแต่ที่เพื่อนๆ ต้องการนั่นเองค่ะ

ศึกษาความคุ้มครองของแต่ละบริษัทประกันอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ

หลักเทคนิคง่ายๆ ในการต่อประกันภัยรถยนต์ให้คุ้ม คือ เราจะต้องสังเกตดูให้ดีว่า แต่ละแห่งที่เราจะเอาประกันภัยรถยนต์นั้น มีส่วนที่คล้ายกัน และแตกต่างกันออกไปอย่างไรบ้าง โดยสิ่งที่สำคัญที่ต้องดูก่อนตัดสินใจเลยก็คือ ดูประเภทของประกันรถยนต์ ดูประเภทของรถยนต์ ดูว่าประกันคุ้มครองอะไรบ้าง ดูว่ามีราคาเท่าไหร่ ดูว่ามีการประกันซ่อมรถหรือไม่ ดูว่ามีโปรโมชั่นอะไรบ้าง และสามารถซื้อระบบออนไลน์ได้หรือไม่

ดูเพิ่มเติม
>> ดีต่อใจ…กรมการขนส่งอนุญาตให้อบรมการขับขี่ภาคทฤษฎีได้ที่สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ตลอดปี 2562
>> Isuzu D-Max STEALTH เพิ่มทางเลือกใหม่กับรุ่น 2 ประตู พร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร

ยกตัวอย่าง 5 บริษัทประกันรถยนต์ที่น่าสนใจในตอนนี้

อย่างตอนนี้บริษัทที่ทาง Chobrod มองว่ามีเนื้อหาด้านประกันรถยนต์ที่น่าสนใจที่สุด จะมีอยู่ 5 ที่ด้วยกัน ได้แก่ บริษัทธนชาติประกันภัย วิริยะประกันภัย เมืองไทยประกันภัย กรุงเทพประกันภัย และสินมั่นคงประกันภัย โดยทั้ง 5 บริษัทนี้จัดได้ว่าเป็นบริษัทที่ได้รับความน่าเชื่อถือ และได้รับความนิยมอย่างมากของผู้ใช้รถยนต์ในประเทศไทย คราวนี้เรามาดูกันต่อดีกว่าค่ะว่า แต่ละบริษัทนั้นมีรายละเอียด และความน่าสนใจอย่างไรบ้าง โดยทางเราได้เลือกบริษัทที่น่าสนใจและนำมาเปรียบเทียบกัน 3 แห่ง คือ บริษัทธนชาติประกันภัย, วิริยะประกันภัย และ กรุงเทพประกันภัย ค่ะ

ธนชาติประกันภัย

เริ่มที่ดูข้อมูลที่แรก คือ บริษัท ธนชาติประกันภัย โดยในส่วนของตัวประกันภัย 2+ ทางธนชาติให้ความคุ้มครองรถยนต์ และรถกระบะส่วนบุคคล โดยมีให้เลือกแบบ 2+ และแบบ 2+ Gold ซึ่งสิ่งที่แตกต่างกันของสองแบบนี้คือ ทาง 2+ Gold จะมีค่าซ่อมให้รถยนต์ของเรานั้น 200,000 บาท และแบบ 2+ ธรรมดาจะให้ค่าซ่อม 100,000 บาท นอกจากนี้ทางธนชาติประกันภัยยังมีส่วนของความคุ้มครองรถยนต์สำหรับกรณีเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม โดยทางผู้จะเอาประกันภัยสามารถเลือกคุณสมบัตินี้โดยการจ่ายเพิ่มได้ด้วย ซึ่งราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มก็ถือว่าไม่สูงเท่าไหร่ และยังมีประกันคุ้มครองในส่วนของ ค่าซ่อมรถให้อีกด้วย ส่วนเรื่องของศูนย์ให้บริการของธนชาติประกันภัยก็ถือว่าได้มาตรฐาน และมีจุดเด่นที่มีการซื้อขายออนไลน์ โดยผู้ที่เอาประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองทันทีที่ซื้อ ซึ่งถือว่ามอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเป็นอย่างดีเลยละคะ

วิริยะประกันภัย

บริษัทที่น่าสนใจอีกหนึ่งแห่งเลยก็คือ วิริยะประกันภัย เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่มีความคุ้มครองใกล้เคียงกับทางบริษัทธนชาติประกันภัยเลย แต่ทางวิริยะประกันภัยจะมีแบบ 2+ และ 2+ Extra โดยจุดที่ต่างกันเลยก็คือ ทางวิริยะประกันภัยนอกจากคุ้มครองรถยนต์ และรถกระบะส่วนบุคคลแล้ว ก็ยังคุ้มครองรถกระบะที่ใช้เชิงพาณิชย์อีกด้วย และทางวิริยะประกันภัยจะไม่มีประกันค่าซ่อมรถยนต์ให้ ส่วนในเรื่องราคาขั้นต่ำก็ถือว่าสูงกว่าของธนชาติประกันภัย

กรุงเทพประกันภัย

ต่อมาจะเป็นบริษัท กรุงเทพประกันภัย โดบความน่าสนใจของประกันรถยนต์ที่นี่คือ ตัวประกันภัย 2+ ซึ่งมีความคุ้มครองเหมือนกับทางบริษัทธนชาติประกันภัย และวิริยะประกันภัยเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคุ้มครองอุบัติเหตุรถชน รถยนต์หาย รถยนต์ไฟไหม้ และน้ำท่วม แต่สิ่งที่แตกต่างของกรุงเทพประกันภัย คือ มีราคาถูกกว่าทั้ง 2 บริษัทนั่นเองค่ะ ส่วนประเภทความคุ้มครองของกรุงเทพประกันภัย คือ มีความคุ้มครองรถยนต์ส่วนบุคคล และเชิงพาณิชย์ให้ โดยเป็นจุดเด่นของประกันภัยที่นี้ ส่วนจุดด้อยที่ขาดไปเลยก็คือ ทางกรุงเทพประกันภัยจะไม่มีค่าซ่อมรถยนต์ให้นั่นเองค่ะ หากใครต้องการราคาที่ถูกก็อาจจะตอบโจทย์ แต่ถ้าหากใครต้องการให้คุ้มครองค่าซ่อมรถยนต์ด้วย ก็อาจจะรู้สึกว่าของกรุงเทพประกันภัยให้มาไม่ครบในการใช้รถยนต์ค่ะ

ก่อนตัดสินใจต่อประกันรถยนต์ควรพิจารณาและเปรียบเทียบจากหลายๆ แห่ง

เป็นอย่างไรบ้างค่ะ กับข้อมูลของประกันภัยรถยนต์ในตลาดรถยนต์ที่นำมาเทียบความแตกต่าง และเทคนิคต่อประกันภัยรถยนต์ที่ได้นำมาฝากเพื่อนๆ กันในวันนี้ ตัวอย่างของบริษัทที่นำข้อมูลให้เพื่อนๆ ดูในวันนี้ เป็นเพียงข้อมูลของบริษัทบางส่วนที่ได้รวมรวมมาให้เพื่อนๆ อ่านเท่านั้นนะคะ จริงๆ แล้วยังมีอีกหลายบริษัทที่น่าสนใจต่อประกันรถยนต์อีกมาที่รอให้เพื่อนๆ ได้ลองไปปรึกษา เปรียบเทียบกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรแล้วในส่วนของประกันรถยนต์ เพื่อนๆ จะต้องศึกษาเกี่ยวกับความคุ้มครอง และค่าใช้จ่ายที่จะต้องซื้อประกันรถยนต์ให้ดีนะคะ เพราะตรงนี้จะมีรายละเอียดที่ค่อนข้างเยอะ เมื่อเราเกิดอุบัติเหตุหรือเรื่องที่ไม่คาดฝันจะได้คุ้มครองตรงกับความต้องการของเรานั่นเองค่ะ

ดูเพิ่มเติม
>> ทำความเข้าใจกับเรื่อง “รถแลกเงิน” ให้ดีๆ!!!

>> ISUZU ชี้ยูโร 5 ทำรถยนต์ราคาพุ่ง-ตั้งเป้า 62 คงยอดขาย 1.7 แสนคัน

คราวหน้าทาง Chobrod จะนำเรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจมาให้เพื่อนๆ ได้ติดตามกันต่อ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่  
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้