ดูแลรถมือสอง อย่างไรให้ใช้งานได้นาน ทำตามง่ายๆ ใช้ได้ทนทาน รถจะพังยากแน่นอน

รถยนต์มือสอง ดูแลยังไง ให้ใช้งานทนทาน ทำตามนี้แล้วรถจะพังยาก

รถมือสองที่เราซื้อมาจากตลาดรถมือสองนั้น ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะมือสอง รถเก๋งมือสอง ฯลฯ ล้วนเป็นรถที่ผ่านการใช้งานและบำรุงรักษาจากเจ้าของเดิมมาบ้างแล้ว หากเราใช้ต่อแบบไม่ดูแล ก็จะยิ่งเสียทับถมปัญหาสะสม จนอาจจะเกิดอันตรายขณะขับขี่ได้ ดังนั้นคอลัมน์ของเราวันนี้ ขอเป็นคู่มือเบื้องต้นในการดูแลรักษารถที่ซื้อมาแล้วจะบำรุงให้อยู่รับใช้เราไปนานๆอย่างไรบ้าง

รถยนต์มือสอง ซื้อมาต้องตรวจเช็คตามระยะ
 

1.ดูประวัติการซ่อมหรือ Book Service

เริ่มต้นหลังจากซื้อรถมาแล้ว ให้ดูว่าเจ้าของเดิมมีประวัติการซ่อมเอาไว้หรือไม่ อาจจะเป็นบิลใบเสร็จจากอู่ หรือเป็นสมุดประจำรถที่บันทึกการบริการ (Book Service) ก็สามารถดูได้คร่าวๆว่ารถคันนี้เคยซ่อมอะไรไปแล้วบ้าง แต่ถ้าหากไม่มีประวัติการซ่อมต่างๆ ก็ข้ามไปย่อหน้าถัดไปได้เลยครับ

สมุดคู่มือประจำรถ หรือใบเสร็จต่างๆ สามารถบอกประวัติการซ่อมได้ดี
 

2.เปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่

ถ้ารถมือสองที่ซื้อมาไม่มีประวัติการซ่อม อย่างแรกเลยก็คือ ให้จับเปลี่ยนถ่ายของเหลวใหม่ เพื่อเริ่มต้นใหม่หมดทั้งคัน ให้ของเหลวเดิมในรถชะล้างพาเขม่าตะกอนและของเสียอื่นๆ ในเครื่องยนต์เดิมออกไป เปรียบเป็นร่างกายคนเราก็เหมือนการดีท็อกซ์นั่นเอง โดยของเหลวในรถยนต์ที่ควรเปลี่ยนมีดังนี้

น้ำมันเครื่องและกรองน้ำมันเครื่อง หากสีเริ่มคล้ำเป็นกาแฟแล้วล่ะก็ เตรียมเปลี่ยนได้เลย โดยแนะนำเป็นเกรดสังเคราะห์แท้ ที่มีความหนืดสูง ปกป้องทันทีที่สตาร์ทจนถึงช่วงความร้อนสูง โดยเกรดจะเป็น 0W-30 หรือเลขมากกว่านี้ก็ได้ ส่วนกรองน้ำมันเครื่องก็ควรเปลี่ยนไปพร้อมกัน โดยน้ำมันเกรดดังกล่าวนี้ มีอายุการใช้งานประมาณ 10,000 กิโลเมตร เปลี่ยนถ่ายเสร็จแล้วอย่าลืมจดเลขกิโลเมตรไว้ด้วยนะครับ

ดูเพิ่มเติม
>>  5 รถมือสองนอกกระแสราคาน่าคบหา ถูกอย่างนี้ ไม่มีไม่ได้!
>> 4 จุด “รู้เรื่อง !” กับการเลือกซื้อรถกระบะมือสองที่คุณต้องดูให้ดีก่อนตัดสินใจ
 

การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแบบเทผ่านกรวย เพื่อกันเลอะห้องเครื่อง

3.เปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็น

การเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหล่อเย็น ควรรอให้เครื่องเย็นสนิทแล้วเปิดน็อตถ่ายที่ใต้รังผึ้งออกไป การถ่ายของเก่าออกทั้งหมด เพื่อนำคราบตะกรันหรือตะกอนต่างๆออกไปด้วย พร้อมทั้งดูว่าสีน้ำยาในหม้อน้ำมีสีส้มแบบสนิมหรือไม่ ถ้ามีสีส้มดังกล่าว ก็อย่าเติมสารหล่อเย็นเป็นอันขาด เพราะจะมีฤทธิ์กัดกร่อนสนิมอย่างช้าๆ ควรใช้น้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น หากดูแล้วไม่มีสีส้มของสนิมปะปน ก็เติมน้ำยาหล่อเย็นได้ตามปกติ

หากเปิดฝามาแล้วเป็นสีสนิม ให้รีบถ่ายทิ้ง แล้วใช้น้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น

3.เช็คระดับของเหลวอื่นๆ ต้องเต็มเสมอ

ระบบของเหลวอื่นๆที่ต้องเช็คให้เต้มอยู่เสมอคือ น้ำมันเบรค ที่ควรจะดูเกรด DOT ที่ข้างกระป๋องให้ตรงกับที่ระบุไว้บนฝาถังให้แน่ใจว่าตรงกันก่อนเติม และน้ำมันพาวเวอร์ ก็ควรเติมให้เต็มด้วย ด้วยกระป๋องนึงราคาแค่ร้อยกว่าบาท ให้ความพร้อมใช้นานอย่างยาวนานเป็นปี อีกทั้งน้ำมันเกียร์ควรเช็คตามระยะทางตามที่คู่มือกำหนด ไม่ว่าจะเช็คโดยศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมรถยนต์นานาจิปาถะก็ได้

ตรวจดูเกรดน้ำมันเบรค DOT ให้ตรงกับข้างกระป๋องทุกครั้งก่อนเติมน้ำมันเบรค

4.เช็คสภาพยางว่าแตกลายงาหรือไม่

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ส่วนควบอื่นๆ ที่ต้องเช็ค เพื่อให้รถยนต์ทนทาน ขับขี่ไว้ใจได้ นั่นคือยางรถยนต์ ที่เจ้าของเดิมไม่รู้ใช้มาเท่าไหร่แล้ว เริ่มเช็คจากดอกยางก่อน จากนั้นก็ดูแก้มยาง หากพบรอยแตกลายงา หรือมีรอยแตกช้ำและตำของมีคมมา แสดงว่าผ่านการซ่อมใช้งานมาแล้ว ไม่ควรนำมาใช้ต่อในระยะยาว ก็เตรียมเก็บเงินเปลี่ยนได้เลยครับ

เช็คสภาพยางด้วยตาเปล่า เจอเนื้อยางแตกแบบนี้ รีบเปลี่ยนโดยไว

ถ้าดูแลรถมือสองอย่างดี รถจะอยู่รับใช้เราได้อีกนาน
 

ขอเสริมเพิ่มเติมความรู้เรื่อง "จะซื้อรถมือสอง ข้อควรระวัง ?"

สรูป

รถยนต์มือสองไม่ใช่ของน่ากลัว ไม่ว่าเราซื้อรถมือสองทุกรุ่นทุกแบบมาแล้ว หากดูแลรักษาด้วยวิธีง่ายๆแค่นี้ ก็จะสามารถอยู่รับใช้เราได้อีกนาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพรถที่ได้มาตั้งแต่ตอนแรกด้วยนะครับ โดยทุกท่านสามารถศึกษาข้อมูลเทคนิคการดูแลเครื่องยนต์เพิ่มเติมได้จากคอลัมน์ 10 ข้อต้องดู ในส่วนเครื่องยนต์ แล้วพบกันสาระรถยนต์ดีๆ จากตลาดรถออนไลน์ chobrod ได้ใหม่ในครั้งต่อไป สวัสดีครับ

ดูเพิ่มเติม
>> 5 ปีต้องเก็บเงินเดือนเท่าไร ? ถึงจะซื้อรถป้ายแดงที่ชอบได้สักคันแบบชิว ๆ “ไม่ต้องเป็นหนี้ !”
>> ก่อนซื้อต้องดูดี ๆ ! ตลาดรถมือสองราคาถูก ทำไมถึงต้องถึงต้องตรวจสภาพก่อนซื้อ ?

ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้