ค่า CCA ค่าบนแบตเตอรี่รถยนต์ คืออะไร? แล้วสำคัญอย่างไร?

ประสบการณ์ใช้รถ | 11 ส.ค 2564
แชร์ 20

ค่า CCA บนแบตเตอรี่รถยนต์ สำคัญอย่างไรกับแบตเตอรี่รถยนต์ แล้วทำไมบนแบตเตอรี่รถต้องมีทั้งค่า ค่าโวลต์ และค่า CCA มาไขข้อสงสัยนี้ไปด้วยกัน

ค่า cca แบตเตอรี่ คืออะไร

ค่า cca แบตเตอรี่ คืออะไร

หากคุณเป็น 1 ในมือใหม่ชื่นชอบการขับขี่รถยนต์ ใช้เวลาไปกับการดูแลรถยนต์ หาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ ส่วนประกอบต่างๆ ของรถยนต์อยู่เป็นประจำ แต่พอมาเจอค่า CCA บนแบตเตอรี่รถยนต์ ทำเอาหลายคนถึงกับไปไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าคือค่าอะไร สำคัญอย่างไรกับแบตเตอรี่รถยนต์ แล้วทำไมบนแบตเตอรี่รถต้องมีทั้งค่า ค่าโวลต์ และค่า CCA วันนี้เราเตรียมข้อมูลมาให้เหล่ามือใหม่ทำความเข้าใจกันแล้ว 

ทำความรู้จักค่า CCA บนแบตเตอรี่รถยนต์กันก่อน

ค่า CCA คือกำลังของแบตเตอรี่ เปรียบเสมือนอายุของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ใหม่ๆยังมีกำลังแรงสตาร์ทชิ่งเดียวติดเพราะค่า CCA สูง เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพลง กำลังก็อ่อนลง สตาร์ทยากขึ้น หรือ สตาร์ทไม่ติด เพราะค่า CCA ลดล

แบตเตอรี่ที่ได้มาตรฐานจะระบุค่า cca แบตเตอรี่ย่างเปิดเผย เหมือนการบอกปริมาณ CC บนขวดน้ำอัดลม หรือ น้ำหนักกรัมบนถุงมันฝรั่งทอด เพราะฉะนั้นคุณควรเลือกแบตเตอรี่ที่ระบุค่า CCA บนแบตเตอรี่

CCA ย่อมาจาก Cold Cranking Ampre คือกำลังไฟในการสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยค่า CCA เป็นปริมาณไฟที่จะส่งไปหาไดสตาร์ท เพื่อให้ไดสตาร์ททำการหมุนเครื่องยนต์ จนกว่าเครื่องยนต์จะเกิดการจุดระเบิด เมื่อถึงจุดระเบิดเครื่องยนต์จะหยุดใช้ไฟจากแบตเตอรี่ และใช้ระบบน้ำมันเข้ามาทำงานแทน ถึงแม้ CCA จะมีหน้าที่หมุนเครื่องยนต์แค่ 2-3 วินาที (ตอนบิดกุญแจรถสตาร์ท) แต่ถ้าแบตเตอรี่ของคุณมีค่า CCA ต่ำ ก็อาจไม่มีกำลังพอในการหมุนเครื่องยนต์จนเกิดการจุดระเบิด และทำให้สตาร์ทรถไม่ติด ส่งเสียงเอี๊ยดๆแทน ค่า CCA จึงมีส่วนสำคัญในการสตาร์ทรถ ปกติแล้วรถจะสตาร์ทติดได้ ค่าโวลต์ และค่า CCA จะต้องสูงพอ 

ทำความรู้จักค่า CCA บนแบตเตอรี่รถยนต์กันก่อน

 ทำความรู้จักค่า CCA ค่าแบตเตอรี่รถยนต์กันก่อน

แล้วค่าโวลต์กับค่า CCA ตามหลักแล้ว ควรอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ ถึงจะไม่เกิดปัญหารถสตาร์ทไม่ติด? โดยทั่วไปแล้วค่าโวลต์ ควรจะสูงกว่า 12.4 โวลต์ขึ้นไป แต่ค่า CCA จะขึ้นอยู่กับขนาดและชนิดของรถยนต์ว่าต้องการไฟมากแค่ไหนในการหมุนจนกว่าจะเกิดการจุดระเบิด ตัวอย่างค่า CCA โดยประมาณของแต่ละประเภทรถ

  • รถเครื่อง 1,500 - 1,800 cc (รถเก๋งขนาดเล็ก, รถ Eco car) ต้องการ 200 CCA ในการสตาร์ท
  • รถเครื่อง 2,000 - 2,500 cc (รถเก๋งทั่วไป) ต้องการ 280 CCA ในการสตาร์ท
  • รถเครื่อง 2,700 - 3,300 cc (รถตู้, รถกระบะ, รถดีเซล) ต้องการ 300 CCA ในการสตาร์ท

จะเห็นจากตัวอย่างได้ว่า ค่า CCA จะขึ้นอยู่กับขนาดของรถ ประเภทของรถเป็นหลัก ยิ่งถ้ารถที่มีขนาดเล็ก หรือรถที่ใช้น้ำมันเบนซิน ค่า CCA ที่ใช้สตาร์ทเครื่องยนต์ก็ต่ำลง เมื่อเทียบกับรถขนาดใหญ่อย่างเช่นรถตู้ รถปิคอัพ หรือรถที่ใช้น้ำมันดีเซล ค่า CCA ก็จะสูงตามไปด้วย

แบตเตอรี่ที่ซื้อมาใหม่ จะมีค่า CCA สูงอยู่ เมื่อเวลาผ่านไป ค่า CCA จะลดลงตามการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ ดังนั้นหากค่า CCA ต่ำกว่า 300 แนะนำให้ซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ใหม่เปลี่ยนได้เลย 

จะวัดค่า CCA ได้อย่างไร?

การวัดค่า CCA เหมือนการใช้ปรอทวัดไข้ ต้องใช้เครื่องมือวัดค่า CCA โดยเฉพาะ ไม่สามารถใช้ โวลต์มิเตอร์วัดได้ แนะนำใช้เครื่องวิเคราะห์แบตเตอรี่ CTEK Battery Analyzer ที่วัดค่าได้ทั้ง โวลต์และ CCA 2 ค่าที่สำคัญในการเช็คสภาพแบตเตอรี่

CCA ลดลงเร็วแค่ไหน?

CCA ลดลงตามการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ รถที่ขับประจำ ได้รับการชาร์จไฟตลอด CCA จะลดลงอย่างช้าๆ แต่รถที่จอดทิ้งนาน แบตเตอรี่คายประจุออกไปเยอะ CCA จะลดลงอย่างรวดเร็ว หากจอดรถทิ้งไว้ 4 เดือนโดยไม่ได้ขับเลย CCA จะลดลงจนสตาร์ทไม่ติด

แล้วทำอย่างไร ให้ค่า CCA ในแบตเตอรี่รถลดช้าที่สุด
แล้วทำอย่างไร ให้ค่า CCA ในแบตเตอรี่รถลดช้าที่สุด

วิธีจะทำให้ค่า CCA ลดช้าลง มีดังนี้

ใช้รถสม่ำเสมอ 

การดูแลแบตเตอรี่ที่ดีที่สุดคือการรักษาให้ไฟเต็มอยู่ตลอด รถที่วิ่งบ่อย แบตเตอรี่ได้รับการชาร์จเติมประจุเป็นประจำจะเสื่อมช้า CCA ก็ลดลงอย่างช้าๆตามธรรมชาติ เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ คุณจำเป็นต้องขับรถอยู่เป็นประจำเพื่อให้ไดชาร์จทำการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ 

ชาร์จแบตเตอรี่รถสม่ำเสมอ

สำหรับคนที่ไม่ค่อยใช้รถ อาจมีรถหลายคันจอดไว้ที่บ้านเฉยๆ ขี้เกียจ หรือไม่มีเวลาเอารถออกไปวนขับ นั่นก็คือ การชาร์จแบตเตอรี่รถด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพ อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง จะเป็นการเลี้ยงกระแสไฟในแบตเตอรี่ให้เต็มอยู่ตลอดเวลา ช่วยป้องกันแบตเตอรี่เสื่อม ช่วยให้ค่า CCA ลดช้าลง ยืดอายุแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น ซึ่งเราขอแนะนำเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถอัจฉริยะ CTEK จากสวีเดน ที่เป็นผู้ผลิตเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ให้กับแบรนด์รถยนต์ชั้นนำมากที่สุดในโลก เช่น Mercedes-Benz, Porsche, Rolls-Royce, Lamborghini, Ferrari, McLaren, Bentley, Maserati, BMW, Mini, Audi, Jaguar, Lexus, Koenigsegg, Chrysler, Jeep, และอื่นๆ ได้รับรางวัล Best Battery Charger จาก Auto Express นิตยสารรถชั้นนำจากประเทศอังกฤษ เพราะมีระบบการชาร์จอัตโนมัติลิขสิทธิ์ ที่สามารถเสียบชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือนๆ ชาร์จแบตให้เต็มโดยที่แบตเตอรี่ไม่เสีย ไม่มีผลต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์ในรถราคาแพงของคุณ 

โดยสรุปแล้ว CCA คือกำลังในการสตาร์ทของแบตเตอรี่ คุณควรดูแลค่า CCA ให้ลดลงช้าที่สุด ด้วยรักษาไฟให้เต็มแบตเตอรี่อยู่ตลอด ยิ่งถ้ารถคุณไม่ค่อยได้ขับ คุณต้องชาร์จแบตเตอรี่รถอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้ไฟในแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณเต็มอยู่ตลอดเวลา ด้วยการใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถที่มีคุณภาพ ก็ช่วยทำให้ค่า CCA ลดช้าลง ยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถของคุณให้ได้นานคุ้มค่าที่สุด

คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถอัจฉริยะ CTEK จากประเทศสวีเดน
https://www.aprtech.co.th/ctek-chargers

FAQS

ค่า CCA แบตเตอรี่ ควรอยู่ที่เท่าไร?

ค่า cca แบตเตอรี่ขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องยนต์ เช่น
เครื่องยนต์ขนาด 1,500-1,800 ซีซี. ใช้ 200 CCA
เครื่องยนต์ขนาด 2,000-2,500 ซีซี. ใช้ 280 CCA
เครื่องยนต์ขนาด 2,700 - 3,300 ซีซี. ใช้ 300 CCA

ค่า CCA แบตเตอรี่ คืออะไร?

ค่า CCA แบตเตอรี่ (Cold Cranking Amp) คือ จำนวนกระแสไฟฟ้าที่แบตเตอรี่สามารถส่งออกมาได้ในเวลา 30 นาที เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ที่อุณหภูมิต่ำ ยิ่งมีค่า CCA มากก็ยิ่งมีกำลังในการสตาร์ทจะสูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง

ค่า CCA แบตเตอรี่ใหม่ ควรอยู่ที่เท่าไร?

ค่า cca แบตเตอรี่ใหม่วัดตามมาตรฐาน SAE ควรมีค่า cca อยู่ที่ 450