เทคโนโลยีรถยนต์แข่งเดือด ทำ "Toyota-Honda" ปรับลดกำไร

คงเป็นเพราะการแข่งขันด้านเทคโนโลยี ที่แต่ละค่ายผู้ผลิตรถยนต์ต่างอัดกันเข้าไปในแต่ละรุ่นรถของแบรนด์ตัวเอง มันจึงเกิดการแข่งขันในตลาดรถที่สูงขึ้น เมื่อผู้บริโภคต่างก็มี "ทางเลือก" อีกมากมายในการที่จะจ่ายเงินไปเพื่อครอบครองรถยนต์คันที่ต้องการ

เหตุผลของการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดรถ ก็ส่งผลมายังยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ของโลก ที่แน่นอนว่าจะต้องปรากฏชื่อของ Toyota และ Honda ด้วย เพราะทั้งคู่ถือเป็นเบอร์หนึ่งในแง่ของจำนวนยอดขายรถทั่วโลกที่สูงที่สุดในแต่ละปี และนั่นย่อมมาพร้อมกับผลกำไรจากยอดขายที่เกิดขึ้น

แต่สำหรับปีนี้อาจจะไม่ใช่ปีทองของทั้งสองแบรนด์รถยนต์จากดินแดนอาทิตย์อุทัยอีกต่อไป เพราะพวกเขาเองประกาศ "ปรับลดกำไร" ของปีนี้ลงเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในตลาดรถโลก ที่มุ่งเน้นการแข่งขันในด้านเทคโนโลยีอย่างหนัก

กางปฏิทินของปี 2562 หลังจากผ่านไตรมาสแรกของปีมา พบว่า Toyota มีกำไรจากยอดขายรถยนต์ทั่วโลกอยู่ที่ 6.82 แสนล้านเยน หรือคิดเป็นเงินไทยก็ตกราว 1.98 แสนล้านบาท ส่วนยอดขายรถยนนต์ที่ก่อนหักผลกำไร Toyota คว้าไปได้ 7.95 ล้านล้านเยน หรือราว 2.31 ล้านล้านบาท จากจำนวนการขายรถได้ทั่วโลกที่ 2.3 ล้านคัน และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาจำนวน 6.7 หมื่นคัน ซึ่งเหมือนจะเป็นตัวเลขที่สูง แต่เอาเข้าจริงกำไรที่ผุดขึ้นมาของ Toyota ก็เพียงแค่ 4% เท่านั้น

ดูเพิ่มเติม

>> จีนคือเหตุผลหลัก ปี 62 กำไรตลาดรถยนต์โลกส่อหดตัว

>> ยอดขายรถยนต์มกราคม 62 กระฉูด โตขึ้นกว่า 17%

ดังนั้น เมื่อกำไรมันกระเตื้องเพียงน้อยนิด Toyota จึงปรับลดการคาดการณ์ผลกำไรของปีนี้ให้ต่ำลง เหลือ 2.15 ล้านล้านเยน หรือราว 6.25 แสนล้านบาท จากเดิมที่คาดหมายว่าจะเข้าเป้าที่ 2.25 ล้านล้านเยน ผ่านการจำหน่ายรถยนต์ทั้งหมด 10 ล้านคัน ซึ่งเป้าที่สูงมากอาจไต่ไปไม่ถึง เพราะผ่านมาครึ่งปี Toyota ยังทำยอดขายได้ไม่ถึง 5 ล้านคัน

ส่วน Honda อีกแบรนด์รถยนต์ยักษ์ใหญ่เช่นกัน ผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 พวกเขาทำกันไปได้ที่ 1.72 แสนล้านเยน หรือเป็นเงินไทยราว 5 หมื่นล้านบาท ลดลงไปถึง 29% กับไตรมาสแรกของปี 2561 เมื่อเอามาเทียบเคียงกัน ส่วนยอดขายรถยนต์ก่อนหักกำไร Honda ทำไปได้ 4 ล้านล้านเยน หรือราว 1.16 ล้านล้านบาท ลดลงไป 0.7%

ผลเช่นนี้จึงทำให้ทิศทางของ Honda ไม่ต่างจากค่ายคู่แข่งสัญชาติเดียวกัน นั่นคือพวกเขาปรับลดกำไรของปีนี้ลงเช่นกัน โดยตั้งเป้าเหลือ 6.45 แสนล้านเยน หรือราว 1.87 แสนล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 6.65 แสนล้านเยน ผ่านการจำหน่ายรถยนต์ 5.1 ล้านคัน และรถจักรยานยนต์อีกส่วนหนึ่งด้วย

ท้ายสุดตัวเลขที่สะท้อนออกมาถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะปัจจุบันในตลาดรถต้องยอมรับกันว่ามีการแข่งขันกันสูงมากขึ้น ค่ายเล็กหรือค่ายเบอร์รองก็เอาเทคโนโลยีทันสมัยมาใส่ในรถ รวมถึงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเป็นกระแสในปัจจุบัน ซึ่งก็อาจเป็นอีกบางส่วนที่ทำให้ยักษ์ใหญ่ของวงการรถโลกจากญี่ปุ่น ต้องหันมามองตัวเองและปรับทิศทางยอดขายที่สะท้อนกำไรของค่ายรถตามความเป็นจริง

ดูเพิ่มเติม

>> ดีลใหญ่กำลังเกิด "Fiat Chrysler คุย Renault" ควบรวมค่ายรถยนต์

>> Nissan สะเทือนหนัก กำไรหดตัว 45% คาดปมจับบิ๊กองค์กรส่งผลกระทบแรง

ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดีเชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้