จากปากเจ้าหน้าที่ Mercedes ไทย-มาเลย์คือ Top 10 ตลาดใหญ่สุดรถ PHEV 2017

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 15 มิ.ย 2561
แชร์ 0

ฟังมุมมองของเจ้าหน้าที่ระดับสูง Mercedes กับแผนการในอนาคตที่จะเปลี่ยนรถในค่ายเป็นไฟฟ้า/PHEV ภายในปี 2022

Mercedes EQ

Mercedes EQ

ภายในปี 2022 Mercedes ได้วางแผนจะเปลี่ยนรถทั้งหมดในค่ายให้เป็นไฟฟ้า จากนั้นมีรถพลังไฟฟ้าออกมาแล้ว 10 รุ่น ตามด้วยการลงทุนในโรงงานผลิตที่ต่างๆ รถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ผ่านแบรนด์ EQ Power จะยังคงอยู่ในกลยุทธ์ขยายแบรนด์ต่อไป จากการอ้างอิงของหัวหน้าฝ่ายต่างประเทศ Mercedes-Benz Cars มัทเธียส ลือร์ส

การฟื้นตัวขั้นแรกส่วนใหญ่ในการทำเป็นไฟฟ้าจะผ่านรถปลั๊กอินไฮบริด “แนวคิดริเริ่มไฮบริดของเรากำลังสวิงเต็มที่ เราให้ลูกค้าด้วยชุดตัวเลือกรถปลั๊กอินไฮบริดในกลุ่มพรีเมียมตอนนี้ มีแปดรุ่นที่ออกสู่ถนนแล้ว” คุณหัวหน้ากล่าว ในเรื่องการทำรถให้เป็นไฟฟ้า คาดว่าสิ่งต่างๆ จะเริ่มขึ้นกลางทศวรรษหน้า “เมื่อไรที่รถรุ่นต่างๆ จะออกมามากขึ้น? ที่ Mercedes-Benz เราสันนิษฐานว่าภายในปี 2025 ส่วนแบ่งของรถ EV น่าจะแตะ 25% ของยอดขายทั้งหมด หรือประมาณ 75% จะเป็นรถสันดาปและรถปลั๊กอินไฮบริด” คุณหัวหน้ากล่าว

ดูเพิ่มเติม
>> Mercedes-Benz จัดทดสอบสภาพถนน 5 ทวีปทั่วโลกรองรับระบบขับขี่อัตโนมัติ
>> Mercedes ไฟฟ้าระดับ S-Class จะออกมาปี 2020

Mercedes EQ Charging Station

สถานีชาร์จไฟฟ้าของ Mercedes ในมาเลเซีย

คุณหัวหน้าเสริมว่าอัตราของการนำมาใช้ที่เพิ่มขึ้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ รวมถึงการสนับสนุนนโยบายจากรัฐบาล “แน่นอนว่าแต่ละประเทศต่างกัน ตอนนี้สำหรับรถ EV เรามองว่าจะเริ่มต้นได้ต้องมีลักษณะบางอย่างก่อน อุปสรรคใหญ่หลวงคือโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอ” คุณหัวหน้ากล่าว “ยิ่งกว่านั้น รถต้องดึงดูดลูกค้า ไม่ใช่แค่คุณส่งรุ่นธรรมดาแล้วทำให้เป็นไฟฟ้าและ (คาดว่า) ทุกคนจะซื้อ อย่างแรก รถต้องไว้ใจได้ในแง่ที่ว่าการเข้าถึงเพียงพอกับโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมเรื่องจำนวนสถานีชาร์จไฟที่มี อย่างที่สอง ต้องเข้าถึงอารมณ์ในเรื่องพลศาสตร์การขับและมีการออกแบบไฟฟ้าเฉพาะตัว” คุณหัวหน้าบอก “สุดท้าย พูดถึงเรื่องการทำรถให้เป็นไฟฟ้า จุดเด่นเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมเกี่ยวกับระบบนิเวศและบริการเชื่อมต่อเพื่อความสะดวกสูงสุดของลูกค้ากลายเป็นปัจจัยความสำเร็จชิ้นใหญ่ อีกอย่างที่สำคัญคือสร้างความมั่นคงในเรื่องความไว้ใจของลูกค้าต่อเทคโนโลยีใหม่ พวกเขาต้องมั่นใจว่ารถรุ่นต่างๆ จะเดินทางได้ตามระยะที่ต้องการ สัก 300 400 หรือ 500 กม. ถ้ามีลักษณะเหล่านี้ คุณค่อยเริ่มงานรถ EV” คุณหัวหน้าอธิบาย

ขณะเดียวกัน จุดสนใจในรถไฮบริดมีจำนวนมาก และในอาเซียนถือว่ากำลังไปได้ดี คุณหัวหน้าเผย “สำหรับเรา คุณอาจเซอร์ไพรส์ที่รู้ว่าหนึ่งในตลาดรถปลั๊กอินไฮบริดที่ใหญ่สุดทั่วโลกของ Mercedes ปีที่แล้วคือประเทศไทย ในปี 2017 รถปลั๊กอินไฮบริดของเราบรรลุการเติบโตสองหลักมากกว่า 80% ที่นั่น อีกทั้งเป็นเพราะมาตรการใหญ่ทางภาษีอากรที่รัฐบาลจัดสรรมาให้” คุณหัวหน้ากล่าว “ในมาเลเซียเช่นกัน เราเพิ่มยอดขายรถปลั๊กอินไฮบริดได้ ดันมาเลเซียติดตลาดสิบอันดับแรกเมื่อเทียบกับยอดขายรถปลั๊กอินไฮบริดทั้งหมดในปี 2017 มีความไว้ใจมากมายในตัวแบรนด์และเทคโนโลยีของเรา” คุณหัวหน้าบอก

ทางผู้ผลิตแน่นอนว่าได้เดินเกียร์เพื่อเพิ่มกิจกรรมในภูมิภาคแล้ว โดยเฉพาะในไทย เมื่อเดือนมีนาคม Mercedes จับมือกับธนบุรีประกอบรถยนต์ (TAAP) เพื่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรีไฮบริดที่สมุทรปราการคาดว่าเริ่มการผลิตปี 2019 แล้วถ้าการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนในไทยจะขยายการส่งออกไปยังอาเซียนได้หรือไม่ คุณหัวหน้าอธิบายว่าในปัจจุบัน การผลิตแบตเตอรีในประเทศเป็นเรื่องสำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการในพื้นที่และเพื่อความสำเร็จของ portfolio รถปลั๊กอินไฮบริด Mercedes ในไทย

ดูเพิ่มเติม
>> 
ไม่มี Mercedes C-Class ไฟฟ้า แต่เปลี่ยนเป็น Mercedes EQ ซาลูนตัวน้อย
>> ไฮบริดทั้งตระกูล “53” กับการเผยโฉม Mercedes-Benz ทั้ง 2 รุ่น The-New AMG CLS 53 & New AMG E53

Mercedes E350e

Mercedes E350e PHEV อีกรุ่นที่มีขายในไทย

แต่ยังไม่มีแผนที่จะเดินตามคู่แข่งอย่าง BMW ในการสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ในเสร็จสมบูรณ์ที่มาเลเซีย หรือตามประเทศอาเซียน "เรามีโรงงานผลิตเครื่องยนต์ในจีน แต่ไม่มีแผนแน่นอนที่จะผลิตเครื่องยนต์ในอาเซียน" คุณหัวหน้าบอก อย่างไรก็ตาม การส่งออกรถที่ผลิตในประเทศไปยังอาเซียนยังเป็นไปได้อยู่ คุณหัวหน้ากล่าวว่าบริษัทเห็นศักยภาพใหญ่ในตลาดมาเลเซียและกำลังมองรถรุ่นต่างๆ มากขึ้นในการผลิตเป็นรถ CKD (Completely Knocked Down) "มีแผนที่จะเพิมปริมาณการผลิตที่นี่และเรากำลังศึกษาตลาดภายในอาเซียนซึ่งเรามีศักยภาพในการส่งออกรถไปได้ ยังไม่มีการตัดสินใจโดยสรุป แต่เรามองโลกแง่ดีมาก" คุณหัวหน้ากล่าว

ในเรื่องผลิตภัณฑ์ คุณหัวหน้ากล่าวว่าเขาเห็นเทรนด์ที่เติบโตในกลุ่มรถคอมแพ็กท์และ SUV ที่เอเชีย "ในยุโรป ยอดขายของเราเกือบ 40% มาจากรถคอมแพ็กท์ ซึ่งไม่เกิดในเอเชีย แน่นอนว่า เราเน้นรถคอมแพ็กท์กับ SUV มากขึ้นจากลูกค้าและเรากำลังขยาย portfolio ของเรา และพวกคุณจะได้เห็นรถรุ่นต่างๆ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบตะวันออกมากขึ้นที่นี่" คุณหัวหน้ากล่าว อีกด้านหนึ่ง ระบบเชื่อมต่อ Mercedes me กำลังจะมาถึงมาเลเซียแล้ว "เรายืนยันว่าจะเปิดตัว Mercedes me ในมาเลเซีย อาจจะปีหน้าไม่ก็ปีถัดไป เมื่อเราได้ความพร้อมจากผู้ให้บริการในประเทศอย่างเร็วที่สุด เราจะเปิดระบบ" คุณหัวหน้าอธิบาย

สนใจซื้อหรือเช็คราคารถ Mercedes-Benz ได้ที่นี่

แท็ก Mercedes-Benz